Review

 [Review] กลับมาพบกันอีกแล้วนะครัชกับรีวิว Magic the Gathering ชุดใหม่ Commander Legends : Dungeon Battle of Baldur’s Gate (ชื่อชุดนี้ยาวจังว้อย)ซึ่งเป็นการ Collab กันระหว่าง MTG และ D&D (แต่จริงๆเจ้าของก็บริษัทเดียวกันนั่นหละ) เกม TRPG คลาสสิกตลอดกาล ที่พวกคุณอาจจะคุ้นๆจากการซีรีย์ Stranger Thing มาก่อน ที่เหล่าตัวละครหลักในเรื่องชอบเล่นกัน โดยชุดนี้เอาธีมและเนื้อเรื่องบางส่วนจากทางเกม D&D มาใช้ในชุดนี้ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ d&d ได้ที่นี่ : https://dnd.wizards.com/ โดยในชุดนี้ถ้าคนที่เคยเล่น D&D มาก่อน คุณจะได้เจอกับตัวละครที่คุณคุ้นเคยที่โลดเล่นในเนื้อเรื่อง D&D ก็มากันให้พรึ่บมีเช่น Tasha, Elminster, Minsc and Boo ในชุดนี้คุณจะได้เจอ Legendary Character สุดคุ้นหน้าจาก D&D มากมายเลยทีเดียว เนื่องจากเป็นชุดพิเศษที่ออกแบบมาให้เล่นแบบ…

ผู้พัฒนา: 11 bit studios ผู้สร้าง This war of mine 1.บริหารเมืองเพื่อเอาตัวรอด ไม่ใช่เพื่อความยิ่งใหญ่ ในเนื่อเรื่อง FP นั้นอารยธรรมบนโลกได้ล่มสลายไปหมดแล้ว เหลือเพียงคนเพียงหยิบมือที่ตัวรอดไปยังขั้วโลกใต้ เพราะงั้นเกมไม่ได้ต้องการให้เราสร้างเมืองที่ยิ่งใหญ่หรือสวยงาม แต่ต้องการสร้างเมืองเพื่อให้คนของเราอยู่รอดผ่านความโหดร้ายหน้าหนาวไปได้ 2. การวางแผนระยะยาวยั่งยืนกว่าการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ในเกมบางครั้งเราอาจต้องเลือกเมินความต้องการพื้นฐานของประชากรไปก่อน เช่นที่อยู่อาศัยอาจจะต้องรอวันที่สองในการสร้าง โดยเราอาจจะเลือกสร้าง Workshop เพื่อวิจัยสิ่งก่อสร้างที่จำเป็นหรือเทคโนโลยีเพิ่มความร้อนของเตาปฏิกรณ์ในวันที่อากาศหนาวเย็นจะมาถึง เมื่อเวลาผ่านไป อากาศจะหนาวขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สิ่งก่อสร้างบางอย่างอาจทนความหนาวไม่ได้ หรือการเก็บทรัพยากรในช่วงแรกๆ อาจดูง่ายแค่ส่งคนไปเก็บ แต่ของพวกนั้นแปปๆก็หมด ทำให้เราต้องวิจัยสิ่งก่อสร้างมาเพื่อเก็บทรัพยากรจากแหล่งแร่แทน 3. การบีบให้ต้องเหี้ยมในบางสถานการณ์ และยังคงบีบคั้นหัวใจในทุกการตัดสินใจ (แต่ไม่เท่า This war of mine) ในเกมนี้การตัดสินใจบางอย่างอาจดูโหดร้าย เช่นคุณอาจต้องออกกฏหมายใช้แรงงานเด็กเพราะในเวลานั้น แรงงานที่จะมาทำงานไม่เพียงพอทำให้คุณอาจเก็บทรัพยากรไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย หรือออกนโยบายให้เติมขี้เลื่อยใส่ลงในอาหารเพื่อให้อาหารพอเลี้ยงปากท้องทุกคน แต่อาจส่งผลให้ค่า Disconsent (ความไม่พอใจ) เพิ่มขึ้น การตัดสินใจบางอย่างอาจจะเพิ่มทั้ง Hope และ Disconsent ได้ในเวลาเดียวกัน ใน This war of mine…

ภาคที่ 3 ของซีรีส์ Sniper Ghost Warrior ที่ในภาคนี้พลิกโฉมจากภาคที่แล้ว ที่จำได้ว่าเป็นเกมยิงแบบภารกิจเส้นตรง ภาคนี้ก็กลายเป็นเกมเดินหน้ายิงโลกเปิด Open World เต็มตัว สามารถเดินไปไหน ทำอะไรก็ได้ เดินนอกเส้นทางก็ไม่มีใครว่า ตัวเกมจะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 พื้นที่ใหญ่ๆ ที่เมื่อเคลียร์เนื้อเรื่องหลักของพื้นที่นั้นๆแล้วก็จะสามารถไปยังพื้นที่ถัดไปได้ และแต่ละพื้นที่ก็จะมีรูปแบบโลกทัศน์ที่ต่างกันออกไป ซึ่งในแต่ละพื้นที่ก็จะมีภารกิจหลัก เนื้อเรื่อง ภารกิจย่อย ป้อมให้ถล่ม และมีของสะสมให้เก็บกระจัดกระจายเต็มไปหมด ระบบปืนที่มีทั้งปืนสไนเปอร์ ปืนสำหรับบุก และปืนพก ที่สามารถปรับแต่งชิ้นส่วนได้ สามารถติดกล้องส่องระยะไกล ติดอุปกรณ์เก็บเสียง(ที่สามารถพังได้ด้วยคล้ายๆใน Metal Gear Solid V) สามารถเปลี่ยนสกินได้ สามารถคราฟกระสุนได้หลากหลายแบบด้วยทรัพยากรที่เจอตามรายทาง ไม่ว่าจะเป็นกระสุนปกติ กระสุนเจาะเกราะ กระสุนแท็กศัตรู ก็คราฟได้หมด(หรือจะซื้อด้วยเงินก็ได้) ซึ่งเมื่อเล่นผ่านภารกิจก็จะปลดล๊อคปืนใหม่ๆให้ใช้ รวมถึงถ้าเก็บปืนจากศัตรูก็ปลดล๊อคได้เช่นกัน ซึ่งจะมี Safehouse หรือฐานที่มั่น ที่เอาไว้สำหรับคราฟกระสุน, ซื้อของ, รับภารกิจต่างๆ รวมถึง นอนหลับเพื่อเลือกทำภารกิจกลางวันหรือกลางคืน แต่ถึงจะแยกส่วนให้คราฟกระสุน ซื้อของ รับภารกิจต่างๆ หรือนอน ใน…

เมื่อวันที่ 21 ตุลาที่ผ่านมาก็ถือเป็นวันที่ต้องจดจำไว้ถึงการกลับมาของเกมที่ทำให้คนวาร์ปข้ามวันได้กับประโยคเด็ด “One more turn” หรือ อีกเทิร์นเดียวน่ากับเกมที่สร้างชื่อให้กับสตูดิโอ Firaxis อย่าง “Civilization” ซึ่งสำหรับผมแล้วมีไม่กี่เกมที่ลากผมเล่นเกมแบบยาวๆได้โดยไม่เบื่อ เพราะความน่ากลัวของ Civ คือมันเป็นที่ให้ความรู้สึก”ล้า”ได้ช้ากว่าเกมอื่นๆทำให้คุณสามารถเล่นมันได้นานกว่าเกมอื่นๆก่อนที่จะเริ่มล้าหรือง่วง