[Review] Metaphor: ReFantazio เกมที่เกือบจะเป็น Persona Fantasy แต่มีจุดเด่นที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด

รีวิวโดย แอดมึน ค.
.
Metaphor: ReFantazio เป็นเกม Turn-based RPG ผสมผสานกับแอ็กชัน ที่มีฉากหลังอยู่ในโลกแฟนตาซีดาบกับเวทมนตร์ที่มีเผ่าพันธุ์ต่างๆ มากมาย ซึ่งสะท้อนถึงความไม่เท่าเทียมในสังคม การเหยียดเผ่าพันธุ์ และเล่ห์เหลี่ยมทางการเมือง เนื้อเรื่องว่าด้วยพระราชาองค์ปัจจุบันได้ถูกลอบสังหาร ส่วนองค์รัชทายาทก็ถูกสาปให้หลับไม่ตื่น ตัวเอกซึ่งเป็นสหายคนสนิทขององค์รัชทายาทและถูกฝึกมาเพื่อทำงานเป็นสายลับ จึงได้รับมอบหมายให้หาทางถอนคำสาปของพระองค์ และเหตุการณ์ต่างๆ ก็ได้นำพาตัวเอกไปสู่การแข่งขันเพื่อคัดเลือกหาพระราชาองค์ต่อไป
.
สำหรับใครที่เป็นแฟนซีรีส์ Persona โดยเฉพาะ Persona 5 และ Persona 3 Reload น่าจะรู้สึกคุ้นเคยกับเกมเพลย์เป็นอย่างดี เนื่องจาก Metaphor: ReFantazio ได้ดึงฟีเจอร์หลักๆ ของเกมดังกล่าวนำมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการบุกเข้าดันเจี้ยน, การปลุกพลังที่อยู่ภายในตัวตนของตัวละคร (ซึ่งเรียกว่า Archetype อธิบายแบบง่ายๆ มันคือคำเรียก Persona ของเกมนี้), กิจกรรมประจำวันที่ให้เลือกทำช่วงกลางวัน 1 อย่าง กลางคืน 1 อย่าง ซึ่งจะมีให้พูดคุยกับเพื่อนในทีมหรือ NPC ชาวบ้านเพื่อสร้างสายสัมพันธ์ อีเวนต์เพิ่ม Social Stat, รับ Request ไปปราบมอนสเตอร์ ฯลฯ
.
ทว่า 2 เกมนี้ก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน กล่าวคือ ขณะที่ Persona นำเสนอเรื่องราวในโลกยุคปัจจุบัน เรื่องราวของวัยรุ่นหนุ่มสาว และชีวิตนักเรียนม.ปลาย แต่ Metaphor: ReFantazio นำเสนอเรื่องราวแฟนตาซี เวทมนตร์ สัตว์ประหลาด เผ่าพันธุ์หลากหลาย และการเมืองที่ซับซ้อน รวมทั้งระบบการต่อสู้ที่แบ่งเป็น 2 ส่วน คือแบบแอ็กชันและ Turn-base
.
โดยในระหว่างการเดินทางในดันเจี้ยน เราสามารถโจมตีใส่ศัตรูได้ทันที ซึ่งถ้าศัตรูเลเวลต่ำกว่าเรามากๆ ก็จะถูกกำจัด แต่ถ้าเลเวลเท่ากันหรือสูงกว่าเรา ก็จะเป็นการเปิดจังหวะให้เรากดสลับไปสู้แบบ Turn-based และได้สร้างความเสียหายใส่ศัตรูก่อนเข้าเริ่มเทิร์นต่อสู้ ซึ่งดูเผินๆ อาจจะคล้ายๆ กับ Persona 5 และ Persona 3 Reload ที่พอ Rank ถึงระดับหนึ่ง ก็จะได้สกิลพุ่งชนศัตรูแล้วกำจัดได้ทันที แต่ Metaphor: ReFantazio เราสามารถทำได้ตั้งแต่แรก ทำให้ระบบการต่อสู้ของเกมนี้มีความรวดเร็วกว่า 2 เกมที่กล่าวมาเป็นอย่างมาก
.
นอกจากนี้ Metaphor: ReFantazio ยังมีดันเจี้ยนขนาดใหญ่ ให้ความรู้สึกกดดันแทบทุกครั้งที่ต้องเข้าต่อสู้กับศัตรู การพัฒนาตัวละครผ่านทาง Archetype ซึ่งมาแทนที่ระบบ Fusion Persona แม้จะคล้ายๆ กับระบบ Job Class เหมือนเกม JRPG อื่นๆ แต่ก็มีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ตามที่ผู้เล่นต้องการ ทำให้ปาร์ตี้มีความหลากหลายและน่าสนุกมากยิ่งขึ้น
.
ข้อสังเกตของเกมนี้ คือระบบการต่อสู้แบบแอ็กชัน ไม่ค่อยลื่นไหลเท่าที่ควร คือปกติเกมแอ็กชันเราจะกดฟันศัตรูระหว่างเดินได้ แต่เกมนี้ถ้าเรากดฟันมันจะหยุดเดิน ทำให้ต้องใช้เวลาปรับตัวอยู่เล็กน้อย (แอดเลือกใช้ Archetype Gunner เป็นหลัก เพราะยิงจากระยะไกลได้ ไม่ต้องเดินเข้าไปฟัน) และนอกจากการนำเสนอเนื้อเรื่องกับระบบการต่อสู้แล้ว หลายอย่างก็ไม่ได้แตกต่างจาก Persona แบบเป็นคนละเกมสักทีเดียว ซึ่งแม้จะไม่ถึงกับว่า มันคือ Persona เหมือนกันแต่เป็นรสส้ม ซี่งถ้าใครคาดหวังว่าเกมนี้จะนำเสนอนวัตกรรมใหม่ ก็อาจจะผิดหวังสักหน่อย
.
โดยรวม Metaphor: ReFantazio เป็นเกมที่ Studio Zero ได้นำประสบการณ์ที่ส่งสมมาพัฒนาเป็นเกมแฟนตาซีที่ถ่ายทอดเรื่องราวและการนำเสนอได้อย่างน่าสนใจ การต่อสู้ที่รวดเร็วฉับไว และดันเจี้ยนที่ซับซ้อน ก็นับได้ว่าเป็นเกม JRPG เกมหนึ่งที่อยากแนะนำให้ได้ลองหามาเล่น หรือถ้ายังไม่แน่ใจว่าจะซื้อมาเล่นดีหรือไม่ จะลองดาวน์โหลดเดโมมาเล่นก่อนก็ยังได้
.
Metaphor: ReFantazio วางจำหน่ายแล้วบน PC Xbox Series X|S PS4 และ PS5
.
ขอขอบคุณ SEGA ที่ส่งโค้ดเกมสำหรับรีวิวในครั้งนี้

Sheapgamer Comments

แสดงความคิดเห็น