[News] โปรดิวเซอร์ยอมรับ ซีรีส์ Silent Hill สูญเสียแก่นแท้ความสยองแบบญี่ปุ่นไป จึงอยากนำกลับมาด้วยภาคใหม่
งาน Press Start ของ Konami ไม่ได้มีแค่ข่าวใหญ่เรื่อง Bloober Team จะนำ Silent Hill ภาคแรกมารีเมคเท่านั้น แต่ยังมีช่วงพิเศษที่พาไปเจาะลึกเบื้องหลังของ Silent Hill f ภาคล่าสุดของเกมสยองขวัญเอาตัวรอดซีรีส์ Silent Hill ที่เป็นการนำพาผู้เล่นไปยังยุคปี 1960s ของญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ซึ่งเราจะได้เห็นความคืบหน้าของเกมหลายอย่าง รวมถึงบทสัมภาษณ์จากโปรดิวเซอร์ของซีรีส์นี้อีกด้วย
โดย Silent Hill f จะมีเหตุการณ์เนื้อเรื่องในยุคโชวะของญี่ปุ่น แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ซีรีส์ Silent Hill ดำเนินเรื่องราวที่ไม่ใช่เมือง Silent Hill ซึ่งเป็นที่มาของชื่อซีรีส์ แต่ครั้งนี้เดินทางไปไกลถึงญี่ปุ่นในเมืองเล็กๆ ที่ชื่อ Ebisugaoka เลยทีเดียว
“แก่นแท้ของ Silent Hill คือซีรีส์ที่ผสมผสานความสยองขวัญแบบตะวันตกและญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน แต่เมื่อซีรีส์เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ผมรู้สึกว่าแก่นแท้ของความสยองขวัญแบบญี่ปุ่นมันหายไป ผมจึงเริ่มมีความปรารถนาที่จะสร้าง Silent Hill ที่มีแก่นแท้ของความสยองขวัญสไตล์ญี่ปุ่นแบบ 100% ขึ้นมา”
คุณ Motoi Okamoto โปรดิวเซอร์ของ Silent Hill กล่าว
สิ่งที่ทำให้ Silent Hill ไม่เหมือนใคร คือการได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องสยองขวัญแบบอเมริกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหนังสือนิยายของ Stephen King หรือภาพยนตร์อย่าง Jacob’s Ladder แต่ทั้งหมดถูกนำเสนอผ่านมุมมองแบบญี่ปุ่น ชื่อถนนในเกมยังมาจากนักเขียนแนวสยองขวัญอย่าง Dean Koontz, Robert Bloch, Richard Bachman และ Ira Levin ในขณะเดียวกันก็หยิบยืมแนวคิดจากนิยายของ Murakami และ Kobo Abe สัตว์ประหลาดที่ผู้เล่นเจอและโลกคู่ขนานที่เดินทางไปก็มีการออกแบบที่ให้ความรู้สึกเหมือน งานของ Clive Barker ในเวอร์ชันญี่ปุ่น ผสมผสานกับสไตล์ของ David Lynch
“จุดเด่นของความสยองขวัญแบบญี่ปุ่น ไม่ได้อยู่ที่ความน่าเกลียดน่ากลัวเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการอยู่ร่วมกันของความงดงามและความวุ่นวาย เราจึงสร้างเกมนี้ ด้วยแนวคิดที่ว่า ‘การค้นหาความงามในความหวาดกลัว'”
คุณ Motoi กล่าวเสริม
ส่วนคุณ Al Yang ผู้กำกับเกมจาก Neobards ซึ่งเป็นสตูดิโอผู้พัฒนา Silent Hill f ขยายความเพิ่มเติมว่า “แนวคิดหลักของ Silent Hill f คือความงามในความหวาดกลัว เราสร้างการออกแบบภาพให้มีความรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ แต่ก็มีเสน่ห์ที่น่าสยดสยองจนคุณไม่อาจละสายตาได้” ซึ่งการออกแบบเหล่านี้อ้างอิงจากงานของศิลปินชาวญี่ปุ่น Kera ซึ่งเคยฝากผลงานไว้ใน Spirit Hunter: NG และ Magic: The Gathering มาก่อน
เมื่อพิจารณาว่าเกม Silent Hill ส่วนใหญ่ที่สร้างโดยสตูดิโอฝั่งอเมริกา ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีนัก โดยเฉพาะภาค Homecoming ที่มีตัวเอกเป็นอดีตหน่วยรบพิเศษ ซึ่งแตกต่างจากตัวละครปกติที่เคยปรากฏในซีรีส์มาก่อนหน้า การมีภาคต่อที่เน้นความเป็นญี่ปุ่นให้มากที่สุด จึงดูสมเหตุสมผล แม้ว่าอาจจะมีความแปลกบางอย่าง เช่น ฉากโรงเรียนที่ได้แรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์ Kindergarten Cop เป็นต้น