ผู้สร้าง Photoshop และ Substance 3D ประกาศตนเป็นฝ่ายตรงข้ามกับสายผลิตที่ต่อต้านการใช้ AI Generative พร้อมกล่าวว่า ถ้าศิลปินและสายผลิตจะประสบความสำเร็จได้ พวกเขาก็จะต้องยอมรับเทคโนโลยี AI ให้ได้
.
นับตั้งแต่ AI สำหรับการสร้างภาพ หรือที่เรียกว่า Generative AI ได้รับความนิยมในปี 2022 ทาง Adobe ที่หลายคนรู้จักดีในฐานะบริษัทผู้สร้างโปรแกรมกราฟิกอย่าง Photoshop และ Substance 3D ก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่เข้าร่วมเทรนด์นี้ แต่จุดยืนของ Adobe ก็เรียกได้ว่า ไม่ชัดเจน และพยายามที่จะสมดุลให้ได้ระหว่างการเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เดินหน้าป้อนข้อมูลงานศิลปะเข้ามาในระบบ AI ของตัวเองให้มากกว่าคู่แข่ง ในขณะที่ยังคงเอาใจฐานผู้ใช้งานซึ่งเป็นศิลปินดิจิทัลที่มองการเติบโตของ AI ในแง่ลบขึ้นเรื่อยๆ
.
แต่หลังจากที่พยายามใส่ Generative AI เข้ามาในทุกๆ โปรแกรมของตัวเองมานานนับปี ในที่สุด Adobe ก็ดูเหมือนจะหมดความอดทนกับการที่จะต้องมาอยู่ตรงกลางของเรื่องนี้แล้ว และผู้บริหาร Adobe ก็เปิดฉากอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับศิลปินผู้ต่อต้าน AI โดยการระบุว่า ถ้าเหล่านักวาดและศิลปินไม่ใช้งานเทคโนโลยี AI สร้างภาพ “พวกเขาจะไม่มีโอกาสประสบความสำเร็จได้เลย”
.
จากบทสัมภาษณ์กับทาง The Verge คุณ Alexandru Costin รองประธานฝ่าย Generative AI ของ Adobe กล่าวอ้างว่า สายผลิตที่เป็นมนุษย์ “จะไม่มีทางประสบความสำเร็จในโลกใหม่นี้” ถ้าพวกเขาปฏิเสธการใช้งาน AI และยังกล่าวอีกว่า เขาไม่คิดว่า จะมีเครื่องมือใดๆ ของ Adobe ในอนาคต ที่จะไม่ใส่เทคโนโลยีที่เกี่ยวของกับ AI เข้ามา ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าคุณใช้งาน Photoshop, After Effect หรือ Substance 3D คุณก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอเครื่องมือที่ใช้ขุมพลัง AI ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็ตาม
.
“เราก็มีโปรแกรมของเราในเวอร์ชันเก่าที่ไม่ใช้ระบบ Gen AI แต่ผมก็ไม่แนะนำให้ใช้โปรแกรมเหล่านั้น เป้าหมายของเราคือ การทำให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จ และเราคิดว่า ถ้าพวกเขาจะประสบความสำเร็จได้ พวกเขาก็จะต้องยอมรับเทคโนโลยีนี้”
คุณ Costin กล่าว
.
ในขณะที่คุณ David Wadhwani ประธานฝ่ายสื่อดิจิทัลของ Adobe ก็แสดงความเห็นที่สอดคล้องกับมุมมองของคุณ Costin โดยระบุว่า ไม่ว่าผู้ใช้งานจะมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับ AI แต่ Adobe เชื่อว่า แนวทางของพวกเขา ไม่เพียงแค่จะวินในระยะสั้น แต่รวมถึงในระยะยาวด้วย ในขณะเดียวกัน เขาก็ยอมรับว่า ภาพหยาบๆ ที่สร้างขึ้นมาด้วยระบบ AI ที่ผู้คนเรียกว่า “งานศิลปะ” ในทุกวันนี้ จะไม่มีทางมีคุณค่า ในระดับเดียวกับผลงานที่ผลิตโดยความคิดสร้างสรรค์และสองมือของมนุษย์จริงๆ และเชื่อว่าในอนาคต ศิลปินสายผลิตจริงๆ จะกลายเป็นของหายาก
.
“ผมคิดว่า จะยังมีความต้องการศิลปินที่ทำงานศิลปะด้วยมือจริงๆ อยู่ คือในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ผมสามารถที่จะถ่ายภาพแล้วเอาเข้าโปรแกรมทำให้มันดูเหมือนภาพวาดได้ก็จริง แต่ผมก็ไม่มองว่า มันเป็น ‘ภาพวาด’ ในแบบเดียวกับ ศิลปินที่ใช้เวลาในการทำให้มันเป็นภาพวาดจริงๆ”
เขากล่าว
.
นอกจากนี้ คุณ Wadhwani ยังยืนยันถึง การตัดสินใจของ Adobe ในการผลักดันระบบ AI Generative ก็ขับเคลื่อนมาจากผลกำไรล้วนๆ โดยระบุว่า ฟีเจอร์การสร้างภาพด้วย AI ด้วยขุมพลังของ Firefly ที่ใส่มาในโปรแกรมของตัวเอง กลายเป็นสิ่งที่ผู้คนยอมรับและใช้งานมากที่สุดของบริษัทเท่าที่มีมา และจะทุ่มทุนมากกว่าเดิม เพื่อลงทุนด้าน AI ต่อไป
ไม่มีอะไรยอดเยี่ยมเท่าการได้เล่นเกมดีในราคาไม่แพง