เปิดตัวกันอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยไปแล้วสำหรับภาคใหม่ของซีรีย์ไกลตะโกน อย่าง Far Cry Primal ที่คราวนี้ย้อนยุคกลับไปเอาตัวรอดในยุคหิน
ซึ่งหากดูเผินๆจากตัววีดีโอเกมเพลย์ต่างๆที่ออกมาช่วงนี้แล้ว อาจจะรู้สึกว่าตัวเกมไม่น่าจะมีความใหญ่สักเท่าไหร่ อาจจะรู้สึกว่า น่าจะใกล้เคียงกับตัวสปินออฟที่เคยออกมาก่อนหน้าอย่าง Far Cry 3 : Blood Dragon
แต่ในความเป็นจริงแล้วตัวเกม Far Cry Primal มีความยาวของตัวเกมใกล้เคียงกับ Far Cry 4 ซึ่งทาง Ubisoft ได้อธิบายว่า Primal เป็นเกมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์การเล่นแบบ Single Player ซึ่งทำให้มันแตกต่างจากเกม Multiplayer แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ด้อยไปกว่า Far Cry 4 ที่ออกเมื่อปี 2014 เลย
“นี่คือก้าวถัดไปของ Far Cry”
Maxime Béland ครีเอทีฟไดเรคเตอร์ของเกมนี้ กล่าวกับ Gamespot เมื่อสอบถามว่า Primal จะเป็นเกมเต็มๆ หรือเป็นสปินออฟคล้ายกับที่เคยทำมาใน Blood Dragon
“โลกของเกมนี้ใหญ่เทียบเท่า Far Cry 4 และมีเนื้อเรื่องอันยิ่งใหญ่ ที่คุณจะทำอะไรก็ได้ เพราะมันคือเกม Far Cry ผมคิดว่าความยาวของเกมใกล้เคียงกับภาค 4 เลยทีเดียว ถ้าคุณตัดสินใจที่จะทำภารกิจทุกสิ่งทุกอย่างในเกม เชื่อว่าต้องใช้เวลาเป็นอย่างมาก และผมคิดว่าเนื้อเรื่องแบบเล่นคนเดียว ก็มีความยาวใกล้เคียงกับ Far Cry 4 รวมทั้งขนาดของแผนที่ในเกมก็ใหญ่เทียบเท่าภาค 4 ด้วย”
ซึ่งตัวเกม Far Cry Primal จะมีทั้งแบบ Apex Edition และ Collector’s Edition
ซึ่งแบบ Collector’s Edition ก็จะเป็นตัวเกมแบบมีของพรีเมี่ยมแถมให้สำหรับนักสะสม ประกอบไปด้วย
– ตัวเกม Far Cry Primal ในกล่องที่ดีไซน์เป็นรูปหัวกระโหลกเสือเขี้ยวดาบ
– Official Wenja phrasebook: your guide in Oros ซึ่งเป็นคู่มือสอนภาษาคนป่าในเกม ซึ่งมีพื้นฐานมาจากภาษาอินโดยูโรเปี้ยน
– กล่องเหล็ก
– แผนที่ Oros
– Soundtrack ของเกมนี้
– DLC Legend of the Mammoth missions ซึ่งบรรจุเกมเพลย์กว่า 45 นาที ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้เล่นเป็นสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดใน Oros อย่างช้างแมมมอธที่เราสามารถไล่กระทืบศัตรูและปกป้องเหล่าสรรพสัตว์จากสัตว์ร้ายและมนุษย์
– DLC Duel of beasts เป็น DLC เสริมต่อสู้กับแรด
– DLC The trapped elder เมื่อผู้นำของคุณถูกนักล่ากระหายเลือดจับตัวไป เราต้องตามไปถล่มฐานที่มั่นของมันและปลดปล่อยผู้นำของเราออกมาสู่อิสระให้ได้
– DLC Hunt the hunter ช่วงเวลาของการแก้แค้น นำทัพสรรพสัตว์ของเราไปถล่มเหล่านักล่าให้ราบเป็นหน้ากลอง
– the Blood Shasti Club กระบองสูบเลือดที่สร้างมาจากกระดูกและฟัน โดย Ull ผู้นำคนก่อนของ Udam ซึ่งกระบอกนี้จะไม่แตกหัก และไม่ถูกเผาไหม้โดยไฟ
– 4 enhancement packs DLC เสริมเพิ่มรีซอร์สและตัวเลือกในการปรับแต่งใหม่ๆ
ซึ่ง Digital Apex Edition ก็จะได้รับโบนัสที่น้อยลงจาก Collector’s Edition พอสมควร โดยจะได้รับตัวเกม Far Cry Primal พร้อม Legend of the Mammoth missions, the Blood Shasti Club และ 4 enhancement packs ในขณะที่ผู้ที่ซื้อตัวเกม Far Cry Primal แบบเดี่ยวๆล่วงหน้าจะได้รับเพียง Legend of the Mammoth missions เท่านั้น
Far Cry Primal จะวางจำหน่ายบนเครื่อง PS4 และ XboxOne ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2016 และวันที่ 3 มีนาคมบนเครื่อง PC