[News] ผู้กำกับ Expedition 33 ยกย่องให้ Persona 5 คือ “เกมที่ดีที่สุดในโลก” ในแง่ UI และภาพการต่อสู้
Clair Obscur: Expedition 33 เกม RPG แบบ Turn-based กึ่งเรียลไทม์ ในโลกแฟนตาซียุค Belle Époque ของฝรั่งเศส กลายเป็น 1 ในเกมที่ประสบความสำเร็จที่สุดของปี 2025 ซึ่งก็ชัดเจนว่า ตัวเกมได้รับอิทธิพลจากผลงานเกม JRPG ระดับตำนานอย่าง Final Fantasy และ Persona แต่สำหรับคุณ Guillaume Broche ผู้กำกับเกมและผู้ก่อตั้ง Sandfall Interactive แล้ว มีเกมญี่ปุ่นอยู่เกมหนึ่งที่มาเป็นแรงบันดาลใจต่อการออกแบบ Clair Obscur: Expedition 33 มากขนาดไหน ในบทสัมภาษณ์กับทาง Denfaminicogamer
ซึ่งคุณ Broche เล่นเกม JRPG มาตั้งแต่เด็กๆ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งที่หล่อหลอมให้เขาเข้าใจว่า อะไรที่ทำให้วิดีโอเกมน่าสนุก ด้วยความที่อิทธิพลเหล่านี้ มีความหลากหลายและฝังแน่นอยู่ในตัวเขา ทำให้คุณ Broche รู้สึกว่า เป็นการยากที่จะระบุชื่อเกมหรือเกมเพลย์โดยเฉพาะเจาะจง ที่เขานำมาใช้ในการออกแบบ Clair Obscur: Expedition 33 และยกตัวอย่างบางเกมจาก “รายชื่ออันยาวเหยียด” ของเขา เช่น Final Fantasy VI ไปจนถึง X, Shadow Hearts, Suikoden, ซีรีส์ Atelier, Lost Odyssey และซีรีส์ Persona แต่มีอยู่เกมหนึ่งที่เขาเอ่ยปากยกย่องว่า “ดีที่สุดในโลก” เมื่อพูดถึงเรื่อง UI และภาพการต่อสู้ นั่นคือ “Persona 5”
“โดยเฉพาะ Persona 5 เป็นเกมที่ผมถือว่าดีที่สุดในโลก ในแง่ของ UI และภาพที่ออกมาของการต่อสู้ วิธีการเปลี่ยนมุมกล้องอย่างทรงพลังในทุกๆ การกระทำของผู้เล่น ทำให้รู้สึกเหมือนคุณกำลังดูภาพยนตร์อยู่ สิ่งนี้มันสร้างความประทับใจให้ผมมากๆ”
คุณ Broche กล่าว
ซึ่ง Atlus ผู้สร้างเกมซีรีส์ Persona มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักดีในเรื่องการออกแบบ UI ที่ซับซ้อนและมีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะ Persona 5 ที่วางจำหน่ายในปี 2016 ก็ได้รับเสียงชื่นชม ไม่ใช่แค่จากชาวเกม แต่นักพัฒนารุ่นใหญ่ในวงการก็ยังยอมรับ อย่างคุณ Masahiro Sakurai ผู้สร้างซีรีส์ Smash Bros. และ Kirby ถึงกับยกให้ Persona 5 เป็นตัวอย่างชั้นยอดของการออกแบบ UI ที่มีสไตล์ และยังเรียกมันว่า UI เกมที่เขาชื่นชอบที่สุด ในรายการ “Creating Games” ของเขาบน YouTube ด้วย
สำหรับ Clair Obscur: Expedition 33 คุณ Broche อธิบายว่า เขาต้องการนำคุณสมบัติที่โดดเด่นจากมุมกล้องและการนำเสนอของ Persona 5 มาประยุกต์ใช้กับเกมของตัวเอง พร้อมทั้งเติมเอกลักษณ์ในแบบของเขา เข้าไปด้วย
“ยังมีอีกหลายอย่างที่ผมอยากนำมาจาก Persona 5 โดยเฉพาะในส่วนของ UI ดังนั้นเราจึงยังคงปรับแต่งและพัฒนาอยู่จนถึงตอนนี้”
เขากล่าว
ในอีกแง่หนึ่งของการพูดถึงอิทธิพลของเกม JRPG ในเกมของเขา คุณ Broche ยกอีกประเด็นที่น่าสนใจขึ้นมา นี่คือ ความสำคัญในการ “ต่อยอด” จากแรงบันดาลใจ ไม่ใช่แค่ “ก๊อปมาดื้อๆ” ในทางกลับกัน คุณ Broche ตั้งใจพัฒนาแนวคิดที่เขาได้รับจากเกมแนว JRPG ให้ก้าวไปอีกขั้น แล้วกลั่นออกมาเป็นสิ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อสะท้อนสไตล์ของเขาเอง
“ในฝั่งตะวันตก คุณมักจะเห็นบางเกมที่ก๊อปองค์ประกอบของเกมดังๆ มาแบบผิวเผิน ด้วยเป้าหมายเพื่อให้ประสบความสำเร็จในแบบเดียวกัน แต่สุดท้ายก็กลายเป็นแค่ของก๊อปเกรดต่ำ และนั่นคือประเภทของเกมที่ผมไม่อยากสร้างเลย”
เขากล่าว