titanfall

เงียบหายไปพักใหญ่ๆ กับเกมยักษ์หล่น Titanfall ซึ่งเป็นเกม First Person Shooting Multiplayer แบบเน้นความรวดเร็ว บนเครื่อง PC และ Xbox ที่เปิดตัวเมื่อต้นปีที่แล้ว โดยบริษัท Respawn Entertainment ซึ่งมีหัวหอกพัฒนาเกมจากทีมงาน Infinity Ward เดิมที่เคยพัฒนาซีรีย์ Call of Duty หลังจากที่ล่าสุดมีข่าวว่าขายดิบขายดี จนไปจับมือกับทาง Nexon แล้วเตรียมพัฒนาตัวเกมแบบ Spin-off เป็นเกม Free to Play ในโซนเอเซีย เมื่อกลางปีที่ผ่านมา (ดังข่าวที่เราเคยนำเสนอไป LINK) ณ วันนี้ทาง Respawn Entertainment ได้แถลงข่าวอย่างเป็นทางการเพิ่มเติมว่า เตรียมพัฒนาเกม Titanfall เวอร์ชั่นมือถือ ร่วมกับทาง Particle City ซึ่งเป็นสตูดิโอทำเกมเปิดใหม่ โดยจะป้อนให้กับ iOS และ แอนดรอยหุ่นเขียวในปีหน้า “กับ Particly City เอง…

สำหรับคนที่ยังไม่เคยเล่น Titanfall อาจจะงงๆกับข่าวนี้ เลยจะขอเกริ่นก่อนเล็กน้อยว่าเกม Titanfall เนี่ย ปกติแล้วในเกม Titanfall ตัวหลัก (Standard) จะมีแผนที่ในเกมให้ 15 map เป็นพื้นฐาน แล้วในระหว่างเล่น ตัวเกมจะ loop เปลี่ยนแผนที่ให้หลังเล่นจบแต่ Match เหมือนเกม Multiplayer ทั่วๆไปน่ะแหละ แต่ทีนี้ ปัญหามันมีอยู่ที่ว่า พอตัวเกมมี DLC เพิ่มเข้ามา ในแต่ละ DLC จะมีแผนที่ในเกมให้ ตัวละ 3 map เวลาเราเข้าเล่น DLC ไหน มันก็จะลูปแค่ 3 แผนที่ของ DLC นั้นๆ เช่น ถ้าเราเล่น DLC Expedition เราก็จะเล่นแผนที่ได้แค่ Swamplands , Runoff, Wargames ถ้าเราเล่น Frontier’s Edge ก็จะมีแผนที่ให้เล่นแค่ Dig…

อย่างที่เรารู้ๆกันอยู่ว่า Titanfall เวอร์ชั่น PC นั้นเป็นเกม Exclusive ของ Origin และในคอนโซลก็ Exclusive เฉพาะของ Xbox360 และ Xbox One ซึง  Vince Zampella Co-founder และ CEO แห่ง Respawn Entertainment ได้ให้สัมภาษณ์กับ Game Informer ว่า Titanfall นั้นมีผู้เล่นกว่า 8 ล้านคน ซึ่งถือได้ว่าตัวเกมค่อนข้างประสบความสำเร็จ แม้ว่ามันจะเป็น Exclusive Platform ก็ตาม ซึ่งนั่นก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ดีเท่าไหร่กับฝั่งคนเล่นเกม PC เพราะอย่างที่รู้ๆกันว่าตลาดของสตีมใหญ่โตแค่ไหน แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้สถานการณ์จะเปลี่ยนไปแล้ว “ย้ายเกมนี้ไปลงสตีมเอาป่านนี้เนี่ยนะ? โอ๊ย มันสายไปแล้ว คือถ้าทำเอาแบบนั้นก็เหมือนตบหน้าคนที่ซื้อเกมเราเพราะความเป็น Exclusive น่ะสิ คือ ตอนนี้เราก็พอจะเข้าใจแล้วแหละว่าการตัดสินใจเป็น Exclusive ของเกมนี้ในตอนแรก มันไม่เมคเซนส์เอาซะเลย และก็นั่นแหละ เราคงไม่ตัดสินใจแบบเดียวกันซ้ำซากในอนาคตแหงๆ” Zampella…