ตอนแรกก็ว่าจะสรุปสั้นๆ กับ Far Cry Primal แต่พิมพ์ไปๆ มันก็ยาว เลยเอามาลงเว็บแทนละกัน
เป็นภาคแรกของซีรีย์ที่ไม่มีปืน เพราะย้อนกลับไปยังยุคหินหมื่นปีก่อนโลกปัจจุบัน จนหลายคนสงสัยว่า Far Cry ที่ไม่มีปืนแล้วมันจะเหลืออะไรวะ? ในฐานะที่เป็นติ่ง Far Cry มาตั้งแต่ภาค 3 และไม่ได้เป็น Ubisoft Hater อย่างที่ใครกล่าวหาแต่อย่างใด ก็คงตอบได้แค่ว่า เหลือดิ เหลือความเป็น Far Cry ที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมไงล่ะ!!
ตัวเกมก็อย่างที่บอกว่าย้อนไปในยุคหิน เนื้อเรื่องจะพูดถึง Takkar ที่เป็นนักล่าคนสุดท้ายของเผ่า Wenja แห่งดินแดน Oros ที่จะต้องตามหาพวกพ้องเพื่อรวมรวมเผ่า Wenja กลับมาเป็นปึกแผ่น และตั้งถิ่นฐานใหม่ ในขณะที่จะต้องไล่กุดหัว Ull ที่เป็นผู้นำของเผ่า Udam ที่เป็นศัตรูและจับ ตัวคนของเผ่า Wenja ไปให้ได้
เนื้อเรื่องก็มีแค่นี้แหละ… คือ มันก็ตรงๆทื่อๆ ซึ่งก็พอจะเข้าใจได้ว่า มนุษย์ในยุคนั้นก็คงไม่มีการหักเหลี่ยมเฉือนคมอะไรกันมากมายนัก ใครที่หวังว่าจะได้เล่นเนื้อเรื่องดีๆ ก็ ลืมๆมันไปซะเถอะ
สำหรับในภาคนี้การทำภารกิจจะเป็นระบบรับภารกิจกับเพื่อน โดยเมื่อเราไปเจอเพื่อนตามจุดต่างๆ ในแผนที่ ก็จะสามารถชวนเขากลับมารวมที่หมู่บ้านของตัวเองได้ โดยแต่ละคนก็จะมีเนื้อเรื่องและภารกิจเพิ่มเติม รวมถึงการปลดล๊อคต่างๆให้ ไม่ว่าจะเป็น Skill หรืออาวุธต่างๆ
นอกจากนี้ก็ตามสไตล์ Far Cry ที่จะมีภารกิจย่อยให้ทำจำนวนมาก ภาคนี้จะมีภารกิจย่อยที่เป็นจุดสีส้มตามแผนที่ต่างๆ ที่เมื่อทำแล้วก็จะได้รับรางวัลต่างๆกันไป ไม่ว่าจะเป็นค่า Skill , XP และอื่นๆ ภารกิจก็พวกฆ่าสัตว์ในพื้นที่, ช่วยเหลือชาว Wenja ที่สูญหาย ,คอยปกป้องชาว Wenja จากการรุกรานของเหล่า Udam , สังหารผู้นำกลุ่ม Udam และอื่นๆ
Random Event ที่เป็นจุดเด่นภาคที่แล้ว ภาคนี้ก็ยังคงมีอยู่ ที่จะเป็นเหตุการณ์สุ่มที่สามารถเข้าไปทำภารกิจได้ทันที อาทิ การช่วยเหลือสัตว์ที่ถูก Udam ขังในกรง(พอช่วยเสร็จมันก็หันมาแดกเราต่อ ฟวยจริงๆ), การสังหารเหล่า Udam ที่พันธนาการ Wenja ไว้ โดยส่วนมากก็จะได้รับรางวัลเป็นจำนวนประชากรในหมู่บ้านมากขึ้น ซึ่งเหตุการณ์สุ่มเหล่านี้จะขึ้นบ่อยมาก ก็มีบ้างที่ทำให้เราต้องละความสนใจจากสิ่งที่เราต้องการไปทำ แล้วเข้าไปถล่มช่วยคนเพื่อเอารางวัลไปซะฉิบ
ซึ่งจำนวนประชากรในหมู่บ้านนี้จะมีผลกับเรา โดยยิ่งเรามีชาวบ้านในหมู่บ้านมาก ก็จะมีผลทำให้ค่า XP ที่ได้รับจาการทำภารกิจต่างๆ เพิ่มขึ้นตามจำนวนชาวบ้านที่เรามี
และนอกจากนี้ในบางครั้งประชากรในหมู่บ้านเราก็มีภารกิจย่อยอื่นๆให้เราไปทำเพิ่มด้วยจากที่มีเยอะอยู่แล้ว เนื้อเรื่องย่อยที่ชาวบ้านในหมู่บ้านของเราร้องเรียน ก็มีพวก ชาวบ้านไปทะเล่อทะล่าวางรูปสลักแล้วไม่กลับมา เราไปตามกลับมาให้ที หรือไม่ก็พวกน้ำในแม่น้ำเน่าเสีย คนในหมู่บ้านแดกแล้วขี้แตกกันถ้วนหน้า เราไปดูให้ทีว่าต้นน้ำเกิดไรขึ้น เป็นต้น
พักดูหมาป่านู่มมมมม กันสักครู่
ระบบ Skill Tree ภาคนี้เรียกว่า อัพเกรดกันมือแหก เพราะมีแยกตามเพื่อนบ้านที่เราไปพบเจอมาได้จำนวน 7 – 8 คน แต่ละคนก็มีกันเป็น 10 สกิล สายเก็บ XP อัพเกรดนี่หวานเอามือลูบปากกันรัวๆ
ระบบคราฟ เรียกได้ว่าน่าจะเป็น 1 ในการพัฒนาจนถึงขีดสุดของเกมในซีรีย์นี้ก็ว่าได้ เพราะจากภาค 3 และ 4 ที่เราเก็บของตามรายทางได้ไม่ว่าจะเป็นกล่องหรือฉกมาจากศัตรู ก็ทำได้แค่เอาไปขายที่ตู้ขายของ แต่สำหรับภาคนี้เราสามารถเอาของต่างๆมาประกอบกันเพื่อคราฟได้หมดไม่ว่าจะเป็นคราฟอาวุธที่ใช้ อัพเกรดอาวุธ คราฟสมุนไพรเอาไว้กิน ใช้ชุบชีวิตสัตว์ หรือคราฟบ้านอัพเกรดบ้าน ของทุกอย่างมีคุณค่าในตัวเองหมด แม้กระทั่งตอนที่คราฟอัพเกรดทุกอย่างในเกมหมดแล้ว ก็ยังต้องเก็บของเหล่านี้บางอย่างมาเพื่อคราฟเป็นอาวุธไว้ใช้งานอยู่ดี เท่าที่เล่นมาทั้งหมดระบบคราฟของเกมนี้มาได้ค่อนข้างถูกทางแล้ว ตรงนี้ก็ได้แต่หวังว่า ใน Far Cry 5 ทาง Ubisoft จะนำจุดดีในส่วนนี้ไปเสริมให้ภาพรวมของภาคถัดไปดีขึ้นกว่าเดิม
ระบบอัพเกรดบ้าน หรือสร้างบ้านให้เพื่อนอยู่ ก็จะมีรางวัลให้เป็นภารกิจเพิ่ม หรือมีสกิลเพิ่มเข้ามา โดยต้องใช้วัตถุดิบที่เก็บได้ตามรายทางนี่ล่ะ เอามาประกอบกันเพื่อคราฟอัพเกรดดังกล่าว
ระบบอาวุธในภาคนี้ถูกปรับเปลี่ยนให้เหลือแค่อาวุธหลัก 3 แบบคือ กระบอง หอก และ ธนู ที่สามารถอัพเกรดได้เมื่อทำภารกิจต่างๆสำเร็จ และเก็บของเอามาคราฟได้ ซึ่งเมื่ออัพเกรดได้ก็จะทำให้สามารถโจมตีได้แรงขึ้น หรือสามารถสต๊อกได้มากขึ้น คราฟได้มากขึ้น(โดยใช้ทรัพยากรน้อยลง) นอกจากนี้ก็มีอาวุธย่อยอื่นๆ อาทิ กับดัก ระเบิดผึ้ง ระเบิดไฟ ระเบิดบ้าคลั่ง แท่งหินเอาไว้ปาหัว(คล้ายๆมีดสั้นภาคที่แล้ว)
ถึงแม้ว่าธนูจะสามารถซุ่มยิ่งระยะไกลได้ เล่นแบบลอบเร้นได้ มี Take Down แต่ฟีลการซูมสไนเปอร์จากระยะไกลมากๆแล้วกลั้นหายใจยิง ซึ่งเป็นจุดเด่นใน Far Cry 3 และ 4 ที่หายไปใน Primal ก็ทำให้ขาดความรู้สึกบางอย่างไปในระหว่างเล่น และเล่นไปแล้วรู้สึกว่า การลอบเร้นในเกมนี้ไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่นัก
สิ่งที่เพิ่มมาในภาคนี้คือระบบการ Tame สัตว์ โดยเราจะสามารถจับ สัตว์นักล่าต่างๆเอามาใช้งานได้ แต่ละตัวก็มีความสามารถต่างๆกันไป ยิ่งจับสัตว์ที่เก่งมากก็ยิ่งจับยาก และต้องอัพ Skill ในการจับด้วย
สัตว์ที่จับได้บางตัวสามารถขี่และวิ่งไปสำรวจตามที่ต่างๆได้รวดเร็วกว่าวิ่งเอง(ต้องอัพสกิลด้วยถึงจะขี่ได้) แต่ก็ไม่บันเทิงเท่าขับรถหรอก ยิ่งไปกว่านั้นวิ่งเอาเอง เพลินกว่าเยอะ เก็บของได้ด้วย ทำให้เอกลักษณ์ความเป็น Far Cry ลดลงไปพอสมควร
ภาคนี้ไม่มีกล้องในการจับตำแหน่งศัตรูอย่างภาคที่แล้ว เพราะยุคหินไม่มีกล้อง แต่ก็มีการเรียกนกฮูก มาเพื่อจับเป้าหมายคล้ายๆกัน ซึ่งก็มีลูกเล่นมากกว่ากล้องเพราะสามารถทิ้งระเบิดจากที่สูงได้ เรียกสัตว์ให้ไปจัดการเป้าหมายได้
หรือแม้กระทั่งสั่งให้โจมตีเองก็ย่อมทำได้
ระบบถล่มป้อมในภาคนี้ก็เหมือนภาค 3 ไม่ได้มีลูกเล่นอะไรมากมายนัก และรูปแบบการเล่นคุ้นๆกันดีอยู่แล้ว ที่ถ้าหากกำจัดศัตรูได้หมด โดยที่ไม่โดนเห็นก่อน ก็จะได้ค่า XP มากขึ้น และแม้ว่าภาคนี้จะไม่มีการโต้กลับของฝั่งศัตรู (ที่ภาค 4 จะมีบ้างที่หากเราปล่อยป้อมไหนไว้สักระยะหนึ่ง ก็จะโดนยึดคืน) แต่ก็มี Bonfire ที่ให้เราเข้าไปถล่มเพิ่มมากขึ้นตามจุดต่างๆ โดยจะต้องกำจัดศัตรูให้หมดและจุดไฟที่ป้อมให้สำเร็จ (ไม่มีคะแนน Stealth ให้ จะเล่นลอบเร้นหรือบุกแหลก ก็คือๆกัน)
อย่างไรก็ดีการมีฟีเจอร์พวก นกฮูก หรือการเรียกสัตว์นักล่าต่างๆ ที่บางทีสัตว์เหล่านี้ก็แข็งแกร่งเกินไป จนเราแค่สั่งการพวกมัน ทิ้งบอมบ์จากท้องฟ้า ก็สามารถยึดป้อมยากๆได้โดยง่ายแบบที่ตัวเราแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย ทำให้ความท้าทายของการบุกยึดป้อมลดลงไปพอสมควรหากใช้บริการสัตว์เหล่านี้ สำหรับคนที่ต้องการความท้าทาย แนะนำให้บุกเองอาจจะดีกว่า
สิ่งที่เพิ่มเข้ามาอีกอย่างใน Primal คือระบบ Hunter Vision ที่ถ้าใครได้เล่นเกมจากฝั่ง Ubisoft อย่าง Assassin’s Creed มาก่อน ก็คงคุ้นหน้าคุ้นตาระบบนี้ดี ซึ่งระบบนี้ใน Primal จะใช้ในการสืบหาร่องรอยในการทำภารกิจต่างๆ รวมถึงใช้ในการแยกวัตถุหรือตัวละครต่างๆในตอนกลางคืนได้ด้วย
ภาคนี้มีระบบกลางวันและกลางคืน ซึ่งไม่ได้มีแค่เปลี่ยนโลกทัศน์เฉยๆเท่านั้น แต่จะมีผลต่อการเล่นพอสมควร เช่น หากทำภารกิจในเวลากลางคืนก็อาจจะเจอฝูงหมาป่าล่าเนื้อมารบกวนอยู่บ่อยๆ สัตว์ที่อยู่กันเป็นฝูงต่างๆจะชุกชุมมากขึ้นในตอนกลางคืน การบุกจะทำได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมพอสมควรหากบุกในเวลากลางคืนเพราะศัตรูมองเราไม่ค่อยเห็น แต่ก็แลกกับการปวดตาของคนเล่นพอใช้ได้ เพราะมืดของเกมนี้คือมืดจริง มองแทบไม่เห็นจริง (สามารถสลับเปลี่ยนกลางวันกลางคืนได้ โดยการเข้านอน) นอกจากนี้ยังมีบางภารกิจที่บังคับทำตอนกลางคืนอีกด้วย
ระบบตะขอเกี่ยวเพื่อเคลื่อนที่ในแนวดิ่งที่เป็นของภาค 4 ภาคนี้ก็มีให้ใช้เหมือนกัน และดูเหมือนว่ามันจะทำงานได้ดีซะด้วยสำหรับในภาค Primal นี้ เพราะการสำรวจพื้นที่ต่างๆ หรือแม้กระทั่งในถ้ำ ก็มีจุดที่ต้องใช้เจ้าตะขอนี้หลายต่อหลายครั้ง ในขณะที่ภาคที่แล้วอาจจะไม่ได้เห็นบทบาทอะไรมากนัก
ของสะสมในเกมนี้ก็ตามสไตล์ Far Cry ที่จะมีของสะสม(Collectible) ตามจุดต่างๆให้จำนวนมหาศาล เพื่อยั่วยวนให้เราไปสำรวจตามจุดต่างๆอย่างทั่วถึง สำหรับภาคนี้ก็เก็บก้อนหินรูปมือ, ทำลายหน้ากาก, เก็บกำไลWenja ,วาง Totemตามจุดต่างๆ และเก็บภาพศิลปะฝาผนัง เก็บกันให้มือแหก
Performance ในภาคนี้ สำหรับใครที่เล่นภาค 3 – 4 มาก่อนได้อย่างลื่นไหล มาภาคนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับภาค 4 มากนัก การปรับแต่งกราฟฟิกต่างๆ จาก Low ไป Ultra ก็ไม่ค่อยเห็นความต่างอะไรชัดเจน
และที่น่าชมเชยมากใน Primal คือระบบการโหลดที่ไวขึ้นกว่าภาค 4 มาก เรียกว่า Fast Travel นี่คือ Fast จริงๆ ไม่ต้องรอนานเหมือนภาคที่แล้ว ทำให้การเล่นเป็นไปอย่างต่อเนื่องมาก
และถึงแม้ว่าภาคนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในป่าก็ตาม แต่สภาพแวดล้อมก็ไม่ได้จำเจอะไร เพราะมีการแยกโซนเป็นโซนป่าโซนหิมะเหมือนกัน ซึ่งโซนหิมะถ้าอยู่นานๆก็จะหนาวตายได้ หากเกจ Cold หมด (ตรงนี้ต้องคราฟเสื้อหนาวที่ดีๆมาใช้) รวมถึงมีกลางวันกลางคืนรุ่งสาง ทำให้การวิ่งเล่นใน Oros ก็ยังคงสนุกสนานไม่น่าเบื่อแต่อย่างใด
AI ศัตรูในภาคนี้ อิงจากการเล่นระดับความยากที่ Expert ก็บอกได้เลยว่า เกมง่ายเกิ๊น ศัตรูบางทีก็ทื่อมะลื่อ มองเราไม่ค่อยเห็น แบบที่ว่าเดินๆไปแอบอยู่ตรงหน้า มันดันมองไม่เห็นเราซะงั้น ความยากของเกมนี้เลยเหมือนเป็นแค่ว่า ปรับยาก ก็ทำให้ศัตรูโจมตีเราได้แรงขึ้นแค่นั้น ในส่วนของสิงสาราสัตว์อื่นๆก็คือๆกัน พวกสัตว์ Rare อาจจะยากในแง่ที่ว่ามันชอบวิ่งหนีเรา ต้องกินสมุนไพรพรางตัวแล้วค่อยๆตะล่อมย่องตอดเข้าหามัน แต่การบุกโจมตีของพวกมันเป็นไปอย่างตรงๆไม่ซับซ้อนอะไร ยิ่งไปกว่านั้นพวกสัตว์ใหญ่อย่างแมมมอธที่มักจะยืนเฉยๆ แม้ว่าเราจะยืนอยู่บนภูตะล่อมยิงมันไปทีละนิด มันก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่หนีอีกตะหาก ทำให้รู้สึกว่าเกมง่ายเกินไปหน่อย ทั้งที่จริงๆการล่าแมมมอธควรจะเป็นจุดเด่นสุดในการล่าของภาคนี้ และควรจะเป็นเกมที่ได้ฟีลเอาตัวรอดมากกว่านี้ ใครที่เป็นเกมเมอร์สายเล่นแบบ Hardcore หวังความยากในเกมนี้อาจจะผิดหวังพอสมควร
และสิ่งที่ฆ่าความเป็น Far Cry Primal อย่างถึงที่สุด ก็คงจะเป็นระบบ Daily Reward ที่จะมีทรัพยากรต่างๆใส่ในถุงที่หมู่บ้านหรือตามจุดต่างๆให้เมื่อถึงช่วงรุ่งสางในแต่ละวัน ที่ทำให้ความท้าทายในการไปหาวัตถุดิบมาคราฟของ ลดลงไปอย่างน่าใจหาย และในหลายๆครั้ง วัตถุดิบสำคัญพวกหนังสัตว์หายาก มันก็มีให้ใน Daily Reward ด้วย (แนะนำว่าถ้าใครชอบวิ่งหาเองก็ให้เมินๆไอ้เจ้า Daily Reward นี้ไปซะ ไม่ต้องไปเปิดรับก็ได้)
บั๊กต่างๆในเกมนี้ ก็แทบไม่เห็นเท่าไหร่นะ ที่เจอเองโดยตรงแค่ครั้งเดียว ก็คือ เจอกวางวิ่งหนีวนๆรอบต้นไม้ นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ หรือร้ายแรงจนเล่นต่อไม่ได้
และภาคนี้ก็ไม่มีระบบ Multiplayer หรือ Co-Op Mission เหมือน 2 ภาคที่ผ่านมา เล่นคนเดียวตลอดเวย์
สรุปกันสุดท้าย กับคำถามที่หลายคนอาจจะอยากถามว่า คุ้มมั้ยสำหรับภาคนี้? ตรงนี้ก็คงพูดได้ว่า มันอยู่ที่ว่าคุณชื่นชอบ Far Cry ที่ผ่านมาในรูปแบบไหน หากใน 2 ภาคที่แล้วคุณบันเทิงเป็นอย่างมากกับการวิ่งเล่นในโลกเปิด ไล่ฆ่าสัตว์ ถลกหนังมาคราฟ ไล่เก็บกล่องของ สำรวจพื้นที่ต่างๆจนครบ หรือเก็บของสะสมต่างๆในเกมจนเหี้ยนเตียน และรู้สึกว่า ทำไม Ubisoft ไม่เพิ่มไอ้ของแบบนี้ใส่ใน Far Cry มาเยอะๆบ้างวะ? Far Cry Primal จะตอบโจทย์นี้ของคุณได้อย่างเต็มรูปแบบ เพราะมีอะไรให้ทำเยอะแยะมหาศาล ทำให้คุณสามารถขลุกอยู่ที่หน้าจอได้เป็นเวลานาน คราฟของกันให้มือแหกไปข้างหนึ่ง พื้นที่ให้สำรวจมีมากมาย ของสะสมมีให้เก็บกันจนเหลือเฟือ และแม้ว่า Primal มองเผินๆอาจจะเหมือนแค่เอา Far Cry 4 มาแต่งม็อดให้กลายเป็นยุคหิน แต่พอได้เล่นจริงๆแล้ว ด้วยระบบต่างๆที่เพิ่มเข้ามา ก็ยอมรับว่าได้ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปจากความเป็นซีรีย์ Far Cry ดั้งเดิมพอสมควร และเห็นการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเข้ามาจาก Far Cry 4 ชัดเจนกว่าการรู้สึกว่าภาคนี้เป็นม็อดเพียงของภาค 4 (ในขณะที่เล่น Far Cry 4 ยังมีความรู้สึกอยู่นิดๆว่า เหมือนเป็น Far Cry 3.5)
ในขณะที่ถ้าคุณชอบ Far Cry ในแง่การลอบเร้น คุณชื่นชอบการส่องสไนเปอร์เป่าขมองศัตรู ชอบขับรถไปตามที่ต่างๆ การควงเหล่าสรรพาวุธเข้าถล่มพิฆาตไพรี หรืออยากได้เนื้อเรื่องแยกหักเหลี่ยมเฉือนคม Far Cry Primal จะไม่มีสิ่งเหล่านี้ให้คุณเลยแม้แต่น้อย ด้วยการลอบเร้นที่เล่นก็ได้ไม่เล่นก็ได้ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากมายนัก การยิงธนูจากระยะไกลที่ทดแทนอารมณ์แบบสไนเปอร์ไม่ได้ การขี่สัตว์ที่ไม่ได้บันเทิงเหมือนการขับรถของภาคที่แล้ว ระบบอาวุธที่ตัดเหลือแค่ 3 แบบ และเนื้อเรื่องที่สุดแสนจะทื่อมะลื่อ มันตอบโจทย์สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย และในหลายๆครั้งก็รู้สึกเหมือน Far Cry Primal มันเป็นแค่เกมลองยาของ Ubisoft ที่อาจจะต้องการเปลี่ยนเพื่อลองอะไรใหม่ๆให้กับซีรีย์ แต่กลับผลักภาระความรับผิดชอบมาให้คนเล่นด้วยการขายตัวเกมในราคาเท่าภาคหลัก (ซึ่งไอ้เราก็บ้าจี้ซื้อมาอีกตะหาก!!)
สำหรับคนที่สนใจอยากจะซื้อหา Far Cry Primal ไปเล่นก็สามารถซื้อกับทาง cdkeys.com เหลือ $25.76 และถ้าใส่ Voucher ลด 5% จาก App นี้ (Login ก่อนใส่ Voucher) จะเหลือ $24.47 หรือประมาณ 860 บาท (แต่ได้เป็นคีย์ Uplay) สำหรับคนที่ชอบเล่นบนสตีม ตอน Ubisoft Publisher Sale เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็ลดราคา Far Cry Primal ถึง 20% ซึ่งเป็นครั้งแรกเลยกระมังที่เกมออกยังไม่ถึงเดือนแต่ก็ลดราคาแล้ว ภาคนี้ก็คงลดราคาไวแตะระดับ 50% – 75% กว่าภาคก่อนๆ คิดสะระตะกับการที่เกมไม่มี Multiplyer Co-Op ด้วย ไม่จำเป็นต้องเล่นทันทีก็ได้หากมีเกมดองเยอะอยู่แล้ว รอไปก่อนก็ไม่เสียหายอะไร
อนึ่ง ภาคนี้เล่นไป 25 ชั่วโมง เพิ่งเก็บ Skill และอัพเกรดต่างๆได้ครบทุกอย่าง เก็บ % ทั้งหมดไปแล้ว 50% กว่าๆ คิดแบบคร่าวๆ ภาคนี้คุณค่าในการเล่นก็น่าจะอยู่ที่แถวๆ 50 – 60 ชั่วโมง ถ้าซื้อเกมนี้ราคาเต็มกับสตีมก็ถือว่าไม่ได้แย่อะไรนัก ในขณะที่ถ้าซื้อในราคา 899 บาทถือว่าคุ้มค่ามากๆ กับประสบการณ์ที่ได้รับ
อสอง ภาพในเกมทั้งหมดแคปมาเองจากในเกม โดยอิงที่ความละเอียด 1920×1080 และรายละเอียดระดับ Low