เกมถูกบอกด้วย

คุณ Justin Farren ผู้กำกับฝ่ายสร้างสรรค์ ผู้พัฒนาเกม Skull and Bones เกมแนวโจรสลัดที่เปิดตัวเมื่องาน E3 ที่ผ่านมา ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง Gamespot และยืนยันว่า ตัวเกม Skull and Bones จะมีระบบจ่ายเงินเพื่อซื้อไอเทมสำหรับแต่งตัว หรือระบบเปิดกล่อง Loot Boxes ที่กำลังเป็นที่นิยมในเกมยุคปัจจุบัน แต่ทางผู้พัฒนารู้ดีว่า ควรหลีกเลี่ยงที่จะทำให้เกมกลายเป็นเกมแบบ Pay-to-Win “ระบบเศรษฐกิจที่เราจำลอง จะเหมือนระบบเศรษฐกิจจริงๆของมหาสมุทรอินเดีย ดังนั้น สิ่งเหล่านี้จึงสำคัญมากสำหรับคนที่ส่งออกสินค้า, พ่อค้า จักรวรรดิ์ และสิ่งเหล่านี้สำคัญสำหรับคุณ และสิ่งที่ผมไม่อยากให้ผู้เล่นรู้สึกว่า มันทึกทักขึ้นมาจากจินตนาการ มันควรรู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างที่คุณกำลังไล่ล่ามัน ใช้กล้องส่องทางไกลของคุณในการสอดส่องสิ่งที่อยู่บนเรือ ควรจะเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงโดยตรงกับสิ่งที่คุณต้องการ แต่คุณก็รู้ดีว่า ไม่มีอะไรเหมาะสมกับความเป็นโจรสลัดได้ดีเท่า หีบสมบัติ” Farren กล่าว Farren ยังได้เน้นย้ำว่า เขาและสิ่งที่ทีมของเขาปรารถนา คือการเลี่ยงโครงสร้างเกมแบบ Pay-to-Win แต่อย่างไรก็ตามก็ได้ขยายความว่า ระบบซื้อขายในเกม อาจจะเป็นฟีเจอร์ที่ใส่มาตั้งแต่วันที่เปิดให้เล่น “มันยังเร็วเกินไป (สำหรับการให้ข้อมูลเกี่ยวกับระบบซื้อขายในเกม)” เขากล่าว “สิ่งที่เราอยากทำคือการมั่นใจว่า ถ้าผู้เล่นต้องการสิ่งเหล่านี้…

แม้ว่าในปีนี้ จะมีเกมที่ยอดเยี่ยมออกมาหลายเกม ทั้งที่เราเพิ่งจะผ่านพ้นครึ่งปีแรกมาเพียงแค่เดือนเดียว แต่หนึ่งในเกมที่น่าประหลาดใจที่สุด ก็คือ NieR: Automata ที่พัฒนาโดย Platinum Games ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ทั้งในแง่บทวิจารณ์และยอดขาย โดยทำยอดขายไปได้ 1.1 ล้านชุด และขึ้แท่นอันดับ 9 เกมบน PS4 ที่ขายดีที่สุด ในปัจจุบัน ซึ่งทางสตูดิโอเองก็ตกตะลึงในยอดขายระดับนี้ และยิ่งไปกว่านั้น เกมนี้ยังได้ช่วยเหลือสตูดิโอนี้อีกด้วย สำหรับ Platinum Games นั้น มีประวัติศาสตร์ที่สุดเหวี่ยงอยู่พอสมควร กับเกมของพวกเขาที่ได้รับเสียงตอบรับดี อาทิ Vanquish และ Bayonetta รวมถึงเกมอย่าง StarFox Zero และ Legend of Korra แต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทุกอย่างก็แย่ลงกว่าเดิมสำหรับ Platinum เพราะทาง Microsoft ได้ประกาศยกเลิกเกมฟอร์มยักษ์ Scalebound ไป ซึ่งมีผลทางด้านการเงินกับทาง Platinum เป็นอย่างมาก แต่ก็ถือว่าเป็นโชคดีที่เมื่อวางจำหน่าย Nier: Automata…

แม้จะได้รับเสียงตอบรับที่ดี แต่ Tales from the Borderlands กลับไม่ประสบความสำเร็จในแง่ยอดขาย สำหรับ Telltale Games และนั่นทำให้อาจจะไม่มีภาคต่อสำหรับเกมนี้ ตามที่ผู้กำกับ Nick Herman กับทีมงาน Telltale และ Gearbox ได้เข้าพูดคุยเกี่ยวกับการพัฒนาเกมนี้ กับทาง Campo Santo quarterly  หลังจากที่จบ Season แม้ว่าจะได้รับเสียงวิจารณ์ไปในทางที่ดี แต่ทาง Herman ก็ยอมรับว่า ยอดขายของ Tales from the Borderlands ก็ไม่ได้ถึงกับยอดเยี่ยม คือมันก็พอใช้ได้ และไม่ขาดทุนอะไร แต่พอเทียบกับยอดขายซีรีส์ The Walking Dead แล้ว มันไปได้ไม่ถึงระดับเดียวกันกับซีรีส์นั้น และสิ่งนี้นำไปสู่ความกดดันที่จะต้อง จบ Season ของเกมนี้โดยไว แล้วโยกย้ายทีมงานไปยังโปรเจคอื่น ซึ่งทาง Herman ไม่เห็นด้วยในตอนแรก เพราะต้องการจะจบเนื้อเรื่องให้สมบูรณ์มากกว่า แต่สุดท้าย Herman ก็ยอมแพ้…

Friday the 13th: The Game นั้นทำยอดขายได้แล้ว 1.8 ล้านชุดนับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อเดือน พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่อย่างไรก็ตาม Wes Keltner แห่ง Gun Media ผู้จัดจำหน่ายยอมรับว่าหนทางยังอีกยาวไกลและยากลำบาก “เป็น 2 เดือนที่ยาวนานเหลือเกินสำหรับทีมของเราที่ Gun Media และ IllFonic เรามีชุมชนชาวเกมที่สนับสนุนเรานับตั้งแต่เปิดตัว ในขณะที่หลายสิ่งหลายอย่างก็ไม่ได้ราบรื่นซะทีเดียว แต่เราก็มั่นใจที่จะเดินหน้าต่อ ทีมก็เติบโตขึ้นและเราสัญญาว่าจะทำงานเพื่อเพิ่มเนื้อหาคอนเทนท์ และอะไรให้ทำในเกมมากขึ้น และแน่นอน เนื้อหาคอนเทนท์สำหรับเล่นคนเดียว ใส่เข้ามาในเกม” Keltner กล่าว นับตั้งแต่วางจำหน่าย Friday the 13th: The Game ประสบปัญหาบั๊กและข้อผิดพลาดต่างๆที่ทำให้ผู้เล่นที่ซื้อมาวันแรกต้องเสียอารมณ์ แต่ดูเหมือนว่าทีมงานเองก็พยายามลงแรงเพื่อแก้ไขความไม่พอใจให้กับแฟนๆ และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้เล่นบน Xbox One ก็ได้รับ Patch แก้ไขดังที่ชาวเกมร้องขอเข้ามา นับตั้งแต่ตัวเกมวางจำหน่าย ซึ่งทีมงานก็ได้ให้สัญญาว่า เนื้อหาคอนเทนท์แบบเล่นคนเดียวจะมาในปีนี้ Source :…