Palworld หรือที่ชาวเน็ตเรียกชื่อเล่นกันว่า “โปเกม่อนมีปืน” คือเกม Co-op เอาตัวรอดและสะสมมอนสเตอร์ในโลกเปิดกว้าง ที่วางจำหน่ายเมื่อ เดือน ม.ค. ที่ผ่านมา และใช้เวลาเพียงข้ามคืนกลายเป็น 1 ในเกมที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก ด้วยยอดผู้เล่นรวม 25 ล้านคน โดยแบ่งเป็นยอดขายบน Steam มากถึง 15 ล้านชุด และผู้เล่นอีก 10 ล้านคนบน Xbox
.
ล่าสุดการให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg คุณ Takuro Mizobe บอสใหญ่แห่ง Pocketpair ยืนยันว่า Palworld มีต้นทุนการผลิตไม่ถึง 1,000 ล้านเยน (6.7 ล้าน USD หรือราว 240 ล้านบาท) แต่กลับสามารถทำกำไรไปได้ราวๆ 10,000 ล้านเยน (67.2 ล้าน USD หรือราว 2,400 ล้านบาท) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
.
ซึ่งคุณ Mizobe ยอมรับว่า นี่เป็นจำนวนเงินที่ “มากเกินกว่าที่สตูดิโอเล็กๆอย่างเราจะรับมือไหว” และชี้แจงว่าเขาไม่มีความตั้งใจที่จะขยายหรือเสนอขายหุ้นในบริษัท แต่ต้องการให้ PocketPair เป็นสตูดิโอขนาดเล็ก (ที่ปัจจุบันมีทีมงานรวม 55 คน) ต่อไป และเปิดโอกาสสำหรับความร่วมมือหรือการเข้าซื้อกิจการ แต่ยืนยันว่า ยังไม่ได้เริ่มการเจรจาการซื้อขายกิจการกับ Microsoft แต่อย่างใด เพราะบางทีอาจจะมีเรื่องที่เร่งด่วนกว่านั้น ก็คือ พวกเขากำลังเข้าสู่กระบวนการเจรจาเพื่อนำ Palworld ไปลงให้กับแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น PS5 หรือแม้กระทั่งการเหยียบหนวดเสืออย่าง Nintendo Switch
.
แม้ว่า Palworld จะเป็น 1 ในเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตั้งแต่เปิดตัว แต่ก็เป็นเกมที่เกิดเป็นประเด็นร้อนและมีการถกเถียงกันมากที่สุดเช่นกัน ไล่มาตั้งแต่ PocketPair ระบุว่า พนักงานของตนโดนขู่คุกคาม ด้วยข้อหาที่พูดกันว่า Palworld “ก๊อป Pokemon” ซึ่งแน่นอนว่า ทาง PocketPair ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้
.
หรือหลังจากเปิดตัวได้ไม่นาน Nintendo ดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อสั่งลบม็อดที่เป็นการนำตัวละครต่างๆ ของ Pokémon มาใส่ใน Palworld ที่เห็นชัดๆ เลยว่าละเมิดลิขสิทธิ์แบบตรงๆ และจากนั้นก็มีความเคลื่อนไหวจาก The Pokemon Company ที่ออกแถลงการณ์ว่า “จะตรวจสอบและใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อจัดการกับการกระทำใด ๆ ที่ละเมิดสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวข้องกับ Pokemon” อีกด้วย
ไม่มีอะไรยอดเยี่ยมเท่าการได้เล่นเกมดีในราคาไม่แพง