หลายต่อหลายครั้งที่ เมื่อเกิดคดีอาชญากรรมหรือความรุนแรงขึ้นในสังคม สื่อต่างๆ หรือผู้ใหญ่ก็มักจะพุุ่งเป้าไปที่ “วิดีโอเกม” เป็นหลัก ว่าเป็นต้นเหตุของความรุนแรงหรือคดีเหล่านั้น ทั้งที่ต้นสายปลายเหตุจริงๆ อาจจะเป็นเรื่องอื่น หรือหลายๆ เรื่องมาประกอบกัน
.
รวมถึงผลวิจัยของนักจิตวิทยาในต่างประเทศ ก็ดูจะบ่งชี้ว่า วิดีโอเกม ไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสังคมเสมอไป
.
โดยทาง American Psychological Association หรือ สมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (จากนี้จะขอเรียกว่า APA) เคยออกมาแสดงจุดยืนของพวกเขาเมื่อปี 2020 เรื่องความรุนแรงในวิดีโอเกมและพฤติกรรมความรุนแรง ที่พวกเขาเชื่อว่า “ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่มีน้ำหนักพอ ในการเชื่อมโยงกันระหว่าง 2 อย่างนี้”
.
ซึ่ง APA ได้รับมอบหมายในปี 2015 ให้เข้าตรวจสอบและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในวิดีโอเกมที่มีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับพฤติกรรมรุนแรงของผู้เล่น รวมทั้งเหตุรุนแรงต่างๆ และไม่พบว่าทั้ง 2 อย่างนี้มีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงใดๆ ต่อกัน แม้ว่าจะมีการวิจัยบางส่วนพบว่า มันมีส่วนที่เชื่อมโยงกับเด็กที่เล่นเกมรุนแรง และมีแนวโน้มที่จะสนใจในการใช้อาวุธก็ตาม (โดยทาง GameRant อ้างอิงไปที่การทดลองเมื่อปีที่แล้ว ที่มีนักวิจัยนำเด็กวัย 8 – 12 ปี จำนวน 220 คนมาทดลองเล่น Minecraft 3 เวอร์ชันคือ ใช้ดาบ ใช้ปูน และไร้ซึ่งความรุนแรง เป็นเวลา 20 นาที และได้ผลออกมาว่า เด็กที่เล่น Minecraft ที่รุนแรง มีแนวโน้มที่จะคุ้นชินกับอาวุธ อาจจะมีการชี้อาวุธมาที่ตัวเองหรือเพื่อนแล้วเหนี่ยวไก มากกว่าเด็กที่เล่นตัวเกมแบบไร้ความรุนแรง)
.
โดย APA เชื่อว่า ความรุนแรงเป็นปัญหาที่มีความซับซ้อนมากๆ และไม่สามารถที่จะโทษไปที่วิดีโอเกมเพียงอย่างเดียวได้
.
“ความรุนแรงเป็นปัญหาสังคมที่มีความซับซ้อน ที่อาจจะเกิดได้จากหลายปัจจัย เป็นเหตุให้ได้รับความสนใจจากนักวิจัย ผู้บัญญัติกฎหมาย และสาธารณชน การโทษว่าพฤติกรรมรุนแรงเกิดจากการเล่นวิดีโอเกมมันฟังดูไม่มีหลักการและไม่สนใจปัจจัยอื่นๆ โดยสิ้นเชิง อาทิ ประวัติการใช้ความรุนแรง ที่พวกเรารู้จากการวิจัยว่ามันเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดความรุนแรงในอนาคต”
Dr. Sandra L. Shullman ประธาน APA กล่าว
.
อย่างไรก็ตาม ในแถลงการณ์ของ APA นั้น มีการระบุว่า อาจจะมีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกันบางส่วน ระหว่างวิดีโอเกมที่มีความรุนแรง กับ “พฤติกรรมก้าวร้าว อาทิ การตะโกนด่า” แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่า มันจะขยายผลไปสู่ความรุนแรงที่มากกว่านี้
.
APA ใช้เวลาหลายปีเพื่อเรียนรู้ในประเด็นที่ทั้งยากและซับซ้อนนี้ ซึ่งทาง APA เชื่อว่า 1 ในส่วนสำคัญกว่า คือการให้ความรู้แก่อุตสาหกรรมเกมและพ่อแม่ ในเรื่องความสำคัญของ การควบคุมโดยผู้ปกครอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ Nintendo Switch สามารถทำได้และมีระบบรองรับ และการเลือกให้เกมให้เด็กเล่นอย่างเหมาะสม รวมไปถึงการเข้มงวดกับระบบการจัดเรตติ้งของวิดีโอเกม ให้มีความชัดเจนและกระทัดรัดต่อพ่อแม่ผู้ปกครองด้วย
.
ซึ่งทาง GameRant ให้ความเห็นในประเด็นนี้ว่า วิดีโอเกมเป็นวัฒนธรรมที่แพร่หลายมาเพียงไม่กี่ทศวรรษ ที่แฟนเกมสามารถผ่อนคลายไปกับเกมแนวปริศนาอย่าง Tetris สนุกไปกับเกมกีฬาอย่าง Madden ในแต่ละปี และได้สนุกไปกับความคิดสร้างสรรค์ของเกมอย่าง Mario และ Zelda แม้กระทั่งคนที่ชื่นชอบไปกับเกมที่มีความรุนแรงต่างๆ อย่าง Grand Theft Auto, Doom และอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมรุนแรงเป็นสิ่งที่เกิดมาก่อนที่จะมีวิดีโอเกมด้วยซ้ำ ทั้งสงคราม การส่งคนไปคุยกับรากมะม่วง และคนที่มุ่งร้ายต่อผู้อื่น ก็มีมานับตั้งแต่เกิดมนุษยชาติด้วยซ้ำ และอย่างที่ APA ยืนยัน ความรุนแรงเป็นปัญหาที่มีความซับซ้อนมากๆ และการมุ่งเป้าไปที่การเล่นเกมเพียงอย่างเดียว เป็นสิ่งที่ทั้งไม่ยุติธรรมและเป็นการโยนความผิดให้เกมเป็นแพะรับบาปอย่างง่ายดายเกินไป
ไม่มีอะไรยอดเยี่ยมเท่าการได้เล่นเกมดีในราคาไม่แพง