[News] ผู้กำกับลั่น! FF7 Remake ภาคที่ 3 “จะก้าวข้ามทุกความคาดหวัง” และเป็น “1 ในเกมที่คนรักมากสุดของวงการ”

คุณ Naoki Hamaguchi ผู้กำกับ Final Fantasy 7 Rebirth และคุณ Yoshinori Kitase ผู้อำนวยการสร้าง ได้ให้สัมภาษณ์ในงาน Qiddiya Gaming ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ที่เป็นการเปิดเผยรายละเอียดต่างๆ ที่น่าสนใจของทั้งเกมในภาคนี้ และสิ่งที่ผู้เล่นพอจะคาดหวังได้กับภาคใหม่ซึ่งเป็นภาคสุดท้ายปิดฉากไตรภาค Final Fantasy 7 Remake
.
– คุณ Hamaguchi เผยว่า เขายังจำได้ในยุคก่อนที่จะมีอินเตอร์เน็ต ที่เขาและเพื่อนถกเถียงกันอย่างหนัก ว่าจะชุบชีวิต Aerith ใน Final Fantasy 7 ภาคต้นฉบับได้อย่างไร และพวกเขาพยายามอย่างมากในการพยายามที่จะชุบชีวิตเธอกลับมา
.
– คุณ Kitase กล่าวว่า พวกเขาถามตัวเองมาโดยตลอดว่า จะสร้างฉากของ Aerith ใน The Forgotten Capital ขึ้นมาใหม่ให้ดูทันสมัยขึ้นได้อย่างไร ซึ่งสิ่งที่พวกเขาต้องการแสดงออกมา ในเกมภาคต้นฉบับก็คือ ความรู้สึกโศกเศร้าจากการสูญเสียใครสักคนอันเป็นที่รัก และทำให้ผู้เล่นจำนวนมากรู้สึกเสียใจจนรับไม่ได้ จนเลิกเล่นไป ทำให้พวกเขาตัดสินใจเปลี่ยนวิธีการนำเสนอในเกมเวอร์ชันรีเมค แทนที่จะมาเน้นการเสนอเรื่องความสูญเสียและโศกเศร้าแบบภาคต้นฉบับ พวกเขาเลือกที่จะเปลี่ยนมาเป็นมุมมองของ Cloud ที่ไม่สามารถยอมรับได้กับการสูญเสียบุคคลที่รัก ซึ่งเขายอมรับว่า ฉากดังกล่าวในภาค 7 Rebirth เปลี่ยนสิ่งที่ผู้คนตอบสนองต่อฉากเดียวกันกับภาคต้นฉบับ และทำให้ชาวเกมตีความฉากนั้นไปได้หลากหลาย
.
– คุณ Hamaguchi ประกาศในงานว่า พวกเขาจะสร้างภาคที่ 3 ที่จะเป็นการปิดฉากไตรภาคให้ “ก้าวข้ามเกินกว่าทุกๆ ความคาดหวัง” และมั่นใจมาก ว่านี่จะกลายเป็น “1 ในเกมที่โด่งดังและคนรักมากที่สุดในประวัติศาสตร์วิดีโอเกมอีกครั้ง” (หลังจากที่ Final Fantasy 7 ภาคต้นฉบับเคยทำสำเร็จไปแล้ว)
.
– คุณ Hamaguchi กล่าวว่า Chadley กลายเป็นตัวละครที่น่าสนใจเมื่อไปดูเบื้องหลังของเขา จากเดิมที่ถูกสร้างมาเพื่อเป็นตัวละครที่ไม่สำคัญในภารกิจหนึ่งเท่านั้น และยิ่งขุดลึกเข้าไปในอดีต ทีมงานก็รู้สึกว่า Chadley ควรได้รับบทบาทที่มากขึ้น และหวังว่า ผู้เล่นจะชอบตัวละครใหม่อย่าง Roche เหมือนอย่างที่ชอบ Chadley
.
– คุณ Hamaguchi กล่าวว่า 2 สิ่งที่นึกถึงเป็นอันดับแรกเมื่อพูดถึง Part 3 ก็คือ เรือเหาะ Highwind และ Snowboard แน่นอนว่า Snowboard จะกลายเป็นอีก 1 มินิเกมในภาคนี้ด้วย ส่วนเกมการ์ด Queen’s Blood ก็อยากจะใส่เข้ามาในภาคใหม่ด้วยเช่นกัน แต่ก็จะมีการปรับปรุงพัฒนา เพื่อทำให้ได้ประสบการณ์การเล่นที่สดใหม่ขึ้นด้วย
.
– คุณ Kitase กล่าวว่า เนื้อเรื่องของ Final Fantasy 7 มันยอดเยี่ยมและติดตรึงในใจของชาวเกมอยู่แล้ว ดังนั้น เขาเลยไม่อยากจะเปลี่ยนเนื้อเรื่องไปซะทั้งหมด และทำให้ใกล้เคียงกับต้นฉบับให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เป็นการใส่รายละเอียดและสร้างประสบการณ์ใหม่ที่เหมาะสมแล้วเพิ่มเข้าไป อย่างในฉากไคลแม็กซ์ของ 7 Rebirth ที่ผู้เล่นได้พบว่า ชะตากรรมของ Aerith เป็นอย่างไร พวกเขาใส่ความหมายที่ลึกซึ้งไปหลายชั้น จนทำให้คุณสามารถมองและตีความได้หลายๆ แง่มุม และนี่เป็นตัวอย่างอันดีว่า ฉากเหล่านี้ได้รับการยกระดับให้ดีขึ้นอย่างไรจากต้นฉบับในภาครีเมค และ “หากอยากรู้ว่าจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้นในฉากนั้น” ก็ไปเล่นต่อภาค 3
.
– สำหรับคนที่สงสัยว่า Tifa จะทำท่าซูเพล็กซ์ในภาค 3 ได้หรือไม่ คุณ Hamaguchi กล่าวว่า พวกเขาอยากจะให้ Tifa มีบทบาทมากขึ้นในภาคที่ 3 และแสดงแง่มุมที่แตกต่างออกไปของเธอว่าเป็นตัวละครที่แข็งแกร่งและทรงพลัง ถึงจะยังไม่ขอการันตีว่า เธอจะทำท่าซูเพล็กซ์ในภาคนี้ได้หรือไม่ แต่พวกเขาก็พิจารณาอยู่ และกล่าวอีกว่า คุณจะได้เห็น Tifa มากขึ้น เพราะ Vincent กับ Cid ก็เป็นตัวละครที่เล่นได้ในภาคนี้แล้ว และ Tifa ก็มีทาง Synergy กับ 2 ตัวละครนี้ได้ด้วย รวมถึงระบบใหม่ของเกมให้กับ Tifa ด้วย
.
– คุณ Kitase กล่าวว่า Sephiroth ในภาคต้นฉบับ เป็นการออกแบบร่วมกันกับคุณ [Tetsuya] Nomura และคุณ [Kazushige] Nojima มือเขียนบท ซึ่งเดิมทีพวกตัวร้ายในยุคนั้น จะถูกออกแบบมาแบบเกิดมาเพื่อชั่วร้ายแบบสุดๆ เหมือนอย่าง Darth Vader หรือ Thanos แต่ Sephiroth ไม่ใช่ เพราะเขาเป็นตัวละครชั่วร้ายที่ออกแบบมาเป็นตัวละครหลัก และเป็น SOLDIER เช่นเดียวกับ Cloud แต่มีประสบการณ์มากกว่า จนแม้แต่ Cloud ยังยอมรับนับถือ และเป็นตัวละครที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นไอดอล ซึ่งตัวละครแบบนั้นที่เปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นตัวร้ายมันดูน่าสนใจกว่า ซึ่งคุณ Kitase ได้แรงบันดาลใจมาจากหลายๆ อย่างจากในมังงะและอนิเมะหลายๆ เรื่องที่เคยดูมาก่อน
.
– ซึ่งเขากล่าวอีกว่า Sephiroth ไม่คิดว่าเขาทำอะไรชั่วร้าย และมองว่าเขามีชะตากรรมอันยิ่งใหญ่ที่รู้สึกว่าจะต้องทำให้สำเร็จ และต้องการที่จะเปลี่ยนโลกใบนี้ให้มันดีขึ้นจนเป็นโลกในอุดมคติของเขา ที่แตกต่างจากสิ่งที่ Cloud และผองเพื่อนต้องการ ที่ตัวละครเหล่านี้ทั้งหมด มีสิ่งที่เรียกว่า อุดมคติ ที่แตกต่างกันว่า โลกควรจะเป็นอย่างไร และควรจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ทำให้ความขัดแย้งระหว่างอุดมคติของตัวละครเหล่านี้ ชัดเจนขึ้นในภาครีเมค
.
– คุณ Hamaguchi กล่าวว่า คุณจะสามารถออกเดินทางไปในโลกของภาคที่ 3 ได้ด้วยเรือเหาะ Highwind ซึ่งตัวต้นแบบและการทดลองใช้งานก็เป็นไปด้วยดี ดังนั้นก็คาดหวังได้เลยว่า ผู้เล่นจะสามารถออกสำรวจได้อย่างอิสระผ่านเรือเหาะลำนี้เช่นเดียวกับภาคต้นฉบับ แล้วยังมีเกมเพลย์อื่นๆ ที่มีใน Highwind เพื่อทำสิ่งใหม่และพิเศษในขณะที่ขับมันได้ด้วย

Sheapgamer Comments

แสดงความคิดเห็น