[News] บอสใหญ่ Embracer เชื่อ! วิดีโอเกมควรขายเกิน $70 ได้แล้ว ด้วยต้นทุนที่สูงขึ้น แต่ยังไม่มีใครกล้าเปิดก่อน!

บอสใหญ่ Embracer Group ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นว่า วิดีโอเกมปัจจุบัน ควรจะตั้งราคาขายเกิน $70 ได้แล้ว เนื่องจากต้นทุนการพัฒนาที่สูงขึ้นและตลาดที่แข่งขันกันสูงลิ่ว
.
คุณ Lars Wingefors ประธานบริษัท Embracer Group ยักษ์ใหญ่ของวงการเกมที่มีสตูดิโอต่างๆ ในเครือมากมาย และเพิ่งปลดพนักงานหลายพันคน สั่งปิดหลายสตูดิโอในมือ และขายสตูดิโอในเครือไปหลายแห่ง ให้สัมภาษณ์กับทาง GamesIndustry ว่า การเพิ่มราคาขายวิดีโอเกมให้สูงขึ้น คือสิ่งที่ Embracer กำลังพูดคุยกันอยู่ และการขึ้นราคาขายจะทำให้สามารถสร้างเกมออกมาสู่ตลาดได้มากขึ้น
.
“ผมไม่ได้บอกว่า คุณเพิ่มราคาขายเกมไม่ได้ แต่ความเป็นจริงคือ ไม่มีใครพยายามทำแบบนั้น ยกตัวอย่างนะ ถ้าคุณสร้างเกม RPG ขนาดมหึมาที่มีเกมเพลย์ 100 – 150 ชั่วโมง ขัดเกลามาเป็นอย่างดีและให้ประสบการณ์การเล่นที่ไม่เหมือนใครออกมาได้ แล้วผู้เล่นเต็มใจที่จะจ่ายเงินมากขึ้นมั้ย? ถ้าพวกเขายอมจ่าย ก็จะมีเกมต่างๆ วางขายมากขึ้นในตลาด แต่ไม่มีใครลองทำแบบนั้น
.
นั่นคือสิ่งที่พวกเราเคยพูดคุยกันภายใน แต่พวกเราติดยึดอยู่กับวิธีการขายเดิมๆ ของอุตสาหกรรมในตอนนี้ แล้วจะมีบริษัทไหนพยายามที่จะเพิ่มราคาขายเกมในสักวันหนึ่งมั้ย? นั่นเป็นเรื่องที่ต้องรอดูกันต่อไป”
เขากล่าว
.
ซึ่งเกมฟอร์มยักษ์ระดับ AAA บนคอนโซลยุคปัจจุบันเริ่มจะขึ้นราคาวางจำหน่าย เมื่อช่วงปี 2020 แต่ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ราคา $70 กลายเป็นประเด็นร้อนที่พูดถึงกันในวงการเกม ท่ามกลางการดิ้นรนต่อสู้ของสตูดิโอพัฒนาเกมแนวนี้ในวงการ ที่ข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่า ชาวเกมนิยมที่จะเล่นเกม Live Service เก่าๆ อย่าง Fortnite, Roblox, Call of Duty หรือแม้แต่ GTA Online กันมากกว่า ทำให้ที่ว่างสำหรับเกมใหม่ที่วางขายราคาเต็ม $70 ยิ่งลดน้อยลงไปอีก
.
ในขณะที่ Embracer ก็มีเกมฟอร์มยักษ์ออกมาจำนวนหนึ่ง รวมไปถึง Alone in the Dark ที่ทำยอดขายได้ไม่ดีเท่าใดนัก ที่คุณ Wingefors กล่าวว่า มันคือการลงทุนก้อนใหญ่ แต่ขายได้ไม่มากพอ
.
“ผมคิดว่าอุตสาหกรรมเกมกำลังประสบปัญหาเดียวกันกับอุตสาหกรรมอื่นทั้งหมด ด้วยเงินเฟ้อ และต้นทุนการพัฒนาที่สูงขึ้น แล้วมันก็เป็นเรื่องยากที่จะเพิ่มราคาขายเกมบน PC และคอนโซล ซึ่งราคาของเกมเหล่านี้ ขายเท่าเดิมมาตลอดหลายปี ที่นั่นหมายความว่า กำไรก็ยิ่งลดน้อยลงไปอีก นอกจากนั้น ก็มีค่าของทุนที่สูงขึ้นด้วย สุดท้ายแล้ว เมื่อคุณลงทุนหนักๆ หรือทำเกมใหญ่ๆ คุณก็จะต้องไปลงกับทีมงานที่คุณมั่นใจ หรือแฟรนไชส์ที่คุณเป็นเจ้าของหรือควบคุมอยู่ ถึงจะได้เงินเข้ามาเต็มเม็ดเต็มหน่วย
.
นอกจากนั้น ผู้บริโภคก็มีเนื้อหาคอนเทนต์ให้เลือกเยอะกว่าที่เคยมีมา พวกเขาชอบที่จะมีส่วนร่วมในเกมแฟรนไชส์ที่โด่งดังอยู่แล้วและเคยเล่นมาก่อนหน้า ที่นั่นก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก ที่จะพยายามให้พวกเขาลองสิ่งใหม่ๆ หรือเกมแฟรนไชส์ใหม่ นั่นเป็นสิ่งที่พวกเราทั้งหมดกำลังเจอ มันคือความจริงที่พวกเราพยายามปรับตัวมาตลอดเมื่อปีที่ผ่านมา และเราก็จะต้องปรับตัวต่อไปเพื่อรับกับความเป็นจริงนั้น”
เขาอธิบาย
.
ในขณะที่ทาง IGN ให้ความเห็นว่า ความเห็นของคุณ Wingefors ดูเหมือนจะบ่งชี้ว่า ทาง Embracer กำลังรอให้บริษัทวิดีโอเกมอื่นสักแห่งเริ่มเปิดราคาขายที่สูงกว่า $70 ก่อน จากนั้นทาง Embracer หรือบริษัทอื่นๆ จะเริ่มทำตาม แต่สิ่งที่บริษัทตัดสินใจว่า เป็นสิ่งที่ควรทำ จะโดนกระแสตีกลับอย่างรุนแรงจากเหล่าชาวเกมหรือไม่? นั่นเป็นเรื่องที่ต้องรอดูกันต่อไป
.
ซึ่ง Rockstar ก็เคยตกเป็นเป้าพูดถึงในประเด็นนี้ ที่ทาง Take-Two บริษัทแม่ของ Rockstar กำลังเตรียมวางจำหน่าย Grand Theft Auto 6 ในช่วงปลายปี 2025 ที่ตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยเรื่องราคา หรือวิธีการขาย แต่คุณ Strauss Zelnick บอสใหญ่ของ Take-Two ก็เคยให้ความเห็นคล้ายๆ กันว่า เกมสมัยนี้วางจำหน่ายในราคาที่ต่ำมากๆ เมื่อเทียบกับสื่อบันเทิงรูปแบบอื่นๆ ทั้งที่เกมของพวกเขานำเสนอเกมเพลย์ให้ผู้เล่นมีส่วนร่วมที่เยอะมากๆ หลายร้อยชั่วโมง

Sheapgamer Comments

แสดงความคิดเห็น