[News] Dragon Age: The Veilguard จะ “ไม่ใช่เกมแบบ Open World” เพื่อให้การเล่าเรื่องออกมาดีที่สุด

Dragon Age: Inquisition ผลงานจาก BioWare ที่วางจำหน่ายเมื่อปี 2014 ถือว่าเป็นเกมที่มีพื้นที่เปิดกว้างที่สุดและที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ซีรีส์นี้เคยมีมา ที่ให้ผู้เล่นออกสำรวจแผนที่ Open World ขนาดใหญ่ตามที่ต้องการ จึงอาจจะไม่น่าแปลกใจนัก หากภาคต่อไปของซีรีส์จะดำเนินแนวทางแบบเดียวกัน หรืออาจจะกลายเป็น Open World เต็มรูปแบบ (เช่นเดียวกับเกมอย่าง Mass Effect: Andromeda และ Anthem)
.
แต่ล่าสุดมีการยืนยันแล้วว่า Dragon Age: The Veilguard จะ “ไม่ใช่เกม Open World”
.
คุณ Corinne Busche ผู้กำกับของ Dragon Age: The Veilguard ให้สัมภาษณ์กับทาง IGN โดยระบุว่า ในภาคนี้จะเป็นเกมแบบที่เล่นไปตามภารกิจ หรือ Mission-based ที่นั่นแปลว่า สถานที่ทุกแห่งและเนื้อหาคอนเทนต์ของเกมจะเป็นการ “สร้างขึ้นด้วยมืออย่างประณีตและละเอียดละออ” ซึ่งเธอยืนยันด้วยว่า ในแผนที่ของเกมยังให้โอกาสผู้เล่นออกสำรวจ มีเส้นทางแยกย่อย เนื้อหาคอนเทนต์เสริม และอะไรทำนองนั้นอยู่
.
“พวกเราเชื่อว่า นี่คือวิธีที่จะทำให้เราได้ประสบการณ์การเล่าเรื่องที่ดีที่สุดแบบโมเมนต์ต่อโมเมนต์ อย่างไรก็ตาม ตลอดทางของพื้นที่เหล่านี้ เราจะสร้างให้มันเป็นพื้นที่เปิด พื้นที่บางส่วนอาจจะออกสำรวจได้มากกว่าพื้นที่อื่น มีเส้นทางแยกย่อย มีความลับซ่อนอยู่ เนื้อหาคอนเทนต์เสริมที่คุณสามารถพบเจอและไขปริศนา ดังนั้น มันก็เป็นเกมแบบพื้นที่เปิด แต่มันเป็นเกมแบบเลือกเล่นตามภารกิจที่สร้างมาอย่างประณีต”
คุณ Busche กล่าว
.
และนั่นหมายความว่าอย่างไรกับภารกิจเสริมของเกม? คุณ Busche กล่าวว่า ผู้เล่นจะได้เจอภารกิจเสริมที่แตกต่างกันตลอดการเดินทาง ตั้งแต่ขนาดย่อมๆ ไปจนถึงขนาดใหญ่ ด้วยแนวทางที่ทีมพัฒนาใช้ เพื่อให้มั่นใจว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในเกมจะสร้างขึ้นมาอย่างประณีต เช่นเดียวกับพื้นที่ของเกมเอง
.
Dragon Age: The Veilguard จะลงให้กับ PS5, XBSX|S และ PC แต่ยังไม่มีกำหนดวางจำหน่าย

Sheapgamer Comments

แสดงความคิดเห็น