ในตอนนี้ Valve กำลังตกเป็นคดีความกับ Wolfire นักพัฒนาเกมที่ฟ้องร้องผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม Steam เรื่องการใช้ประโยชน์จากการเป็นผู้นำตลาดเกม PC ในการกีดกันการแข่งขัน ในขณะที่ “เก็บส่วนแบ่งที่สูงผิดปกติจากทุกๆ ยอดขายผ่านทางร้านค้าของตัวเอง” ที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปี 2021 และกำลังอยู่ในระหว่างการสืบคดี ซึ่งถือว่าเป็นขั้นตอนทางกฎหมายที่น่าสนใจที่สุด เพราะเราจะได้เห็นเอกสารและข้อมูลภายในของบริษัทต่างๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนได้เปิดเผยสู่สาธารณะชน
.
และเอกสารเหล่านี้ มีส่วนหนึ่งที่พูดถึงการสนทนากันระหว่างคุณ Tim Sweeney ประธาน Epic Games ผู้สร้างเอนจิ้น Unreal และเหล่าผู้บริหารของ Valve อย่าง คุณ Gabe Newell ประธานบริษัท, คุณ Scott Lynch ประธานฝ่ายปฏิบัติการ และคุณ Erik Johnson ผู้จัดการทั่วไปที่พวกเขาพูดคุยกันเรื่องการตั้งราคาร้านค้าและส่วนแบ่งที่ทาง Valve รับจากการขายเกมบน Steam ซึ่งเป็นประเด็นที่คุณ Sweeney ชื่นชอบและมักจะหยิบมาโจมตีบ่อยๆ ในช่วงแรกของการเปิดตัว Epic Games Store ซึ่งเป็นร้านค้าเกม PC ดิจิทัลของเขาที่สร้างมาเพื่อชนกับ Steam โดยเฉพาะ
.
โดยในปี 2017 เกิดเป็นประเด็นร้อนขึ้นมากับทาง Steam เมื่อคุณ Sean Jenkins ของทาง Valve หลุดปากออกมาในฟอรัมนักพัฒนาเกมว่า Steam อาจจะเริ่มจำกัดและปฏิเสธการสร้างคีย์จำนวนมากๆ ให้กับนักพัฒนาที่นำมาลงเกมกับทางแพลตฟอร์ม หากเหตุผลที่จะนำไปใช้งานไม่เพียงพอ
.
ซึ่งคุณ Gabe Newell ส่งอีเมลไปหาคุณ Sweeney แล้วถามว่า “เราทำอะไรให้คุณรำคาญรึเปล่า? เราคิดว่าส่วนหนึ่งน่าจะมาจากความโง่เขลาของ Sean Jenkins” และคุณ Sweeney ตอบกลับไปว่า เขาไม่ได้รำคาญ และ “ไม่เคยได้ยินชื่อ Sean Jenkins มาก่อนด้วยซ้ำ” จากนั้นเขาก็หันไปพูดประเด็นเรื่อง ส่วนแบ่ง 30% ของ Steam ที่เขากล่าวว่า ส่วนแบ่งดังกล่าวอาจจะสมเหตุสมผลในยุคแรกๆ แต่ปัจจุบันเกมใหม่ๆ ออกมาเยอะและเร็วมากๆ กว่าคุณค่าหรือการตลาดที่ร้านค้ามอบให้ ในขณะที่ต้นทุนการดำเนินการก็ลดต่ำลงทุกวัน ดังนั้น ส่วนแบ่งดังกล่าวจึงไม่สมเหตุสมผลอีกต่อไป
.
คุณ Sweeney กล่าวอีกว่า พนันได้เลยว่า ต่อให้ตัด 25 เกมขายดีที่สุดบน Steam ออกไป Valve ก็ยังคงทำกำไรจากอีก 1,000 เกมถัดมา มากกว่าที่ตัวนักพัฒนาเกมเองได้รับ เพราะ Valve ได้ 30%, ค่าการตลาดอีก 30%, ค่าเซิร์ฟเวอร์อีก 15% แค่ระบบก็กินไปแล้ว 75% แล้ว เหลืออีก 25% ให้กับคนสร้างเกมซึ่งมันแย่กว่าส่วนแบ่งการจัดจำหน่ายเกมในยุคปี 90s ซะอีก
.
ซึ่งไม่มีการเปิดเผยว่าทาง Valve ได้โต้ตอบอะไรคุณ Sweeney หรือไม่ แต่เหตุผลที่คุณ Sweeney พูดเรื่องนี้กับทาง Valve เราก็รู้กันอยู่ว่า ทาง Epic Games ได้เปิดตัว Epic Games Store ของตัวเองในเดือน ธ.ค. ปี 2018 พร้อมชูประเด็นเรื่องส่วนแบ่ง 30% ของ Valve ที่ทาง Epic Games Store เรียกเก็บจากนักพัฒนาเกมเพียง 12% เท่านั้น และยิ่งเดินหน้าไปต่อมากขึ้น กับการฟ้องร้องเป็นคดีความระหว่าง Epic Games และ Apple (ที่ยังคงยืดเยื้ออยู่ถึงทุกวันนี้)
.
โดยคุณ Sweeney ส่งอีเมลให้กับคุณ Gabe Newell และคุณ Scott Lynch และเริ่มต้นพูดถึงปัญหากับ Apple ก่อนจะบอกว่า ใกล้จะเปิดตัว Epic Games Store แล้ว ที่นี่จะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Steam และ Epic จะเก็บค่าบริการแพลตฟอร์ม 12% เท่านั้น ที่คุณ Sweeney ต้องการให้ทาง Valve ตอบรับเรื่องนี้ เพื่อเสริมทัพในการต่อสู้กับ Apple แต่ก็ดูจะไม่เป็นไปตามที่เขาคาดไว้
.
“ตอนนี้ ไอ้กร๊วกอย่างพวกคุณบอกกับโลกที่แข็งแกร่งและทรงพลังว่า จะได้รับเงื่อนไขพิเศษ ในขณะที่นักพัฒนาเกมตัวเล็กๆ ต้องมาเสียค่าส่วนแบ่ง 30% เราทั้งหมดอยู่ในการต่อสู้อันยาวนานที่ทาง Apple พยายามจะรักษาสถานะผูกขาดและส่วนแบ่ง 30% นี้ไว้ ด้วยการไปมีดีลลับๆ กับผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ ทำให้พวกเขาเงียบปากไม่พูดอะไรในเรื่องนี้ ทำไมถึงไม่ให้นักพัฒนาเกมทั้งหมดได้ส่วนแบ่งที่ดีกว่านี้? อะไรคือวิธีที่ดีกว่าที่จะโน้มน้าว Apple ได้อย่างรวดเร็วว่า โมเดลธุรกิจของพวกเขามันไม่เหมาะสมอีกแล้วในตอนนี้?”
คุณ Sweeney กล่าวในอีเมล
.
วันถัดมาคุณ Scott Lynch ส่งอีเมลนี้ไปยังคุณ Gabe Newell และคุณ Erik Johnson ได้รับคำตอบกลับมาสั้นๆ ประโยคเดียวว่า “แม่งบ้ารึเปล่าวะ?”
.
ซึ่งทาง PC Gamer ให้ความเห็นว่า ในตอนนั้น คุณ Sweeney จะโกรธจริงหรือไม่จริง ไม่มีใครรู้ แต่ก็ต้องชี้ว่า บางคนอาจจะรู้สึกว่าการตอบกลับของทาง Valve มันดูห้วนเกินไป แต่ก็เพราะว่า นั่นเป็นเพียงการพูดคุยกันภายใน Valve และไม่ได้ตั้งใจจะให้เผยแพร่สู่สาธารณะชนแต่แรก และคุณ Sweeney ก็ส่งอีเมลให้ผู้บริหาร Valve เพื่อบอกว่า จะเปิดแพลตฟอร์มร้านค้าคู่แข่งโดยตรง วิพากษ์วิจารณ์การเก็บส่วนแบ่งของ Valve แล้วก็ด่าไปที่ Apple นิดหน่อย จากนั้นก็ด่าซ้ำเพิ่มเติม แล้วยังเรียกพวกเขาว่า “ไอ้กร๊วก” อีก ก็จัดว่าแวร๊งอยู่นะ
[News] ประธาน Epic เคยส่งอีเมลถึง Valve แล้วเรียกว่า “ไอ้กร๊วก” ส่วนผู้บริหารก็ตอบกลับสั้นๆ ว่า “แม่งบ้าป่ะวะ?”
