ในขณะที่บริษัทต่างๆ ในวงการเกม กำลังประสบปัญหาการปลดพนักงานออกระลอกใหญ่ แต่สำหรับ Capcom ผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่จากญี่ปุ่น สามารถทำผลกำไรทำลายสถิติติดต่อกันเป็นปีที่ 7 แล้ว ด้วยยอดขายจาก Resident Evil, Street Fighter และ Dragon’s Dogma
.
จากรายงานผลประกอบการประจำปีงบประมาณล่าสุด ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มี.ค. ที่ผ่านมา ทาง Capcom ประกาศว่า นี่เป็นอีกปีที่ผลประกอบการเติบโตทำลายสถิติเดิม
.
นอกเหนือจากผลกำไรแล้ว ปีนี้ Capcom ยังสามารถทำรายได้จากการดำเนินงานเติบโตสูงที่สุดติดต่อกันเป็นปีที่ 11 อีกด้วย
.
โดยยอดขายสุทธิในปีที่ผ่านมาของ Capcom อยู่ที่ 152,410 ล้านเยน เพิ่มขึ้น 21% จากปีที่แล้ว, รายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 57,081 ล้านเยน เพิ่มขึ้น 12.3% จากปีที่แล้ว, รายได้ทั่วไปอยู่ที่ 59,422 ล้านเยน เพิ่มขึ้น 15.7% จากปีที่แล้ว และรายได้ที่แบ่งการหักต่างๆ แล้วให้ผู้ที่เป็นเจ้าของ อยู่ที่ 43,374 ล้านเยน เพิ่มขึ้น 18.1% จากปีที่แล้ว
.
ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่ในปีนี้ของ Capcom ก็มาจาก Resident Evil 4 Remake ที่ทำยอดขายได้ 3.3 ล้านชุด ในช่วงปีงบประมาณนี้ และทำยอดขายรวม 7 ล้านชุด รวมถึง Street Fighter 6 ที่วางจำหน่ายเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ทำยอดขายได้ 3.3 ล้านชุด ที่ประธาน Capcom คาดหวังว่า ตัวเกมจะทำยอดขายได้เกิน 10 ล้านชุด แซงหน้าสถิติเดิมของ Street Fighter V
.
รวมถึงเกมฟอร์มยักษ์ล่าสุด ก็คือ Dragon’s Dogma 2 ภาคต่อของเกม RPG ในโลกแฟนตาซี ที่ทำยอดขายได้ 2.6 ล้านชุด และทำให้แฟรนไชส์ Dragon’s Dogma ทำยอดขายรวม 11 ล้านชุด ซึ่ง Dragon’s Dogma 2 ยังเป็นเกมแรกของ Capcom ที่วางจำหน่ายในราคา $70
.
ที่น่าสนใจก็คือ Dragon’s Dogma: Dark Arisen ซึ่งเป็นภาคแรก ก็ทำยอดขายเพิ่มขึ้นในช่วงปีงบประมาณนี้ ที่คาดว่าน่าจะขับเคลื่อนด้วยความตื่นเต้นก่อนที่ภาค 2 จะวางจำหน่าย
.
รวมถึงมีอีก 15 เกมที่ทำยอดขายได้มากกว่า 1 ล้านชุด ในช่วงปีงบประมาณนี้ ในขณะที่แฟรนไชส์ Monster Hunter ทำยอดขายรวมเกิน 100 ล้านชุดไปแล้ว ซึ่งภาคต่อไปของซีรีส์ ก็คือ Monster Hunter Wilds ที่มีกำหนดวางจำหน่ายในปี 2025
[News] Capcom อู้ฟู่! ทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันเป็นปีที่ 7! และทำรายได้เพิ่มขึ้นอีกเป็นปีที่ 11!
