อาจจะเป็นคำถามที่หลายๆ คนสงสัยมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วว่า Baldur’s Gate 3 ภาคล่าสุดของซีรีส์เกม CRPG ระดับตำนานที่กวาดรางวัลเกมแห่งปี 2023 มาแล้วมากมาย ในตอนนี้ทำยอดขายไปได้เท่าไหร่แล้วกันแน่
.
เมื่อราว 1 เดือนก่อน คุณ Michael Douse ผู้อำนวยการฝ่ายจัดจำหน่ายของ Larian Studios ออกมาเปิดเผยว่า Baldur’s Gate 3 ทำยอดขายได้แล้ว “มากกว่า 10 ล้านชุด” และล่าสุดจากการสัมภาษณ์ของคุณ Swen Vincke ประธาน Larian Studios ในงาน GDC 2024 ที่ผ่านมา มีการเปิดเผยว่า Baldur’s Gate 3 ทำยอดขายได้แล้วมากกว่า 2 เท่าของยอดจำหน่าย Divinity: Original Sin 2 ซึ่งเป็นผลงานก่อนหน้าของทางสตูดิโอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
.
และหากดูจากการอ้างอิงจาก ResetEra ครั้งล่าสุดที่เราทราบยอดขายของ Divinity: Original Sin 2 คืออยู่ที่ราวๆ 7.5 ล้านชุด นั่นแปลว่ายอดขายของ Baldur’s Gate 3 ในตอนนี้น่าจะอยู่ที่ราวๆ 15 ล้านชุด ซึ่งถือว่าเป็นยอดที่น่าประทับใจมาก หากพิจารณาจากการวางจำหน่ายเพียงแค่ครึ่งปีกว่าเท่านั้น หลังออกจาก Early Access
.
แต่แม้ว่าข่าวความสำเร็จของเกม รวมถึงการกวาดรางวัลมากมายจากหลายๆ เวทีจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีแค่ไหน แต่คุณ Vincke ดูเหมือนจะสร้างความผิดหวังให้กับแฟนๆ ด้วยการยืนยันว่า Baldur’s Gate 3 ยังไม่มีแผนออก DLC ใดๆ รวมถึง Baldur’s Gate 4 หรือเกมอื่นๆ ที่สร้างจาก Dungeons & Dragons ที่เป็นความร่วมมือกับ Wizards of the Coast
.
“พอมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับ Baldur’s Gate 3 ทุกคนก็จะคอยบอกพวกเราว่า ‘เฮ้ พวกคุณควรทำ DLC นะ แล้วก็ควรจะเริ่มภาคต่อได้แล้ว นี่คือความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมและทำเงินได้มากจริงๆนะ’ ในตอนแรกผมก็คิดนะว่า เออ ก็จริงนะ เราน่าจะเริ่มทำได้แล้ว เราควรจะเปลี่ยนแผนกันใหม่ แถมคนในทีมก็จะแบบ เออ จริงด้วย เราน่าจะทำนะ”
คุณ Vincke ให้สัมภาษณ์กับทาง GameSpot
.
“แต่พอผ่านไปสักพัก ผมก็เริ่มรู้ตัวว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่เป็นตัวเรา นี่มันตรงข้ามกับความเป็น Larian โดยสิ้นเชิง เราอยากจะทำอะไรใหม่ๆ ที่ยิ่งใหญ่ เราไม่ได้ต้องการเอาของเก่าที่ทำเสร็จแล้ว มาทำใหม่ เพราะงั้นผมถึงประกาศไปว่า เราจะไม่ทำภาคต่อหรืออะไรพวกนี้ และเราจะกลับไปสู่แผนแรกเริ่มที่จะทำสิ่งใหม่และยิ่งใหญ่กว่า”
.
แล้วเป้าหมายต่อไปของ Larian คืออะไร? คุณ Vincke ได้กล่าวกับ Eurogamer ว่า ทีมงานได้เลือกเกมมา 2 เกมที่จะเริ่มทำหลัง Baldur’s Gate 3 แล้ว และนี่จะเป็นเกมที่ใหญ่ ทะเยอทะยาน และแตกต่างจากสิ่งที่ Larian เคยทำมา แต่ก็ยังมีกลิ่นอายแบบเดียวกัน และที่น่าสนใจคือ คุณ Vincke มีเกม RPG ในใจอยู่แล้ว และหวังว่าฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ๆ จะทำให้ฝันของเขาเป็นจริงได้
.
“คือนี่เป็นส่วนหนึ่งของแผน ที่ผมมีวางไว้ว่า มันจะเป็น RPG สุดยิ่งใหญ่ที่เรียกได้ว่าครองสิ้นทุกสิ่งอย่าง แต่ผมคิดว่า มันยังมีเทคโนโลยีบางอย่างที่เรายังไม่มีในตอนนี้ ผมไม่รู้หรอกว่าสเปคของเครื่องรุ่นถัดไปจะเป็นแบบไหน แต่ก็หวังว่ามันจะมีบางอย่างที่ทำให้เราเข้าใกล้ฝันนั้นมากขึ้น”
คุณ Vincke กล่าว
.
ซึ่งตอนนี้เราก็คงยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่า สิ่งที่อยู่ในหัวของคุณ Vincke คืออะไร แต่ก็คาดเดาได้ว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกม Divinity: Original Sin ไม่อาจทำได้ในอดีต โดยต้องย้อนกลับไปในช่วงระดมทุนของ Divinity: Original Sin เป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1 ล้าน USD ขาดไปเพียงนิดเดียว ทำให้สิ่งที่ Larian ตั้งเป้าไว้ว่าจะใส่ในเกมไม่ได้ใส่เข้ามา อาทิ ตารางเวลาของ NPC, ระบบกลางวันกลางคืน และสภาพอากาศที่จะส่งผลกับทั้ง NPC และมอนสเตอร์ในเกม การเปลี่ยนสภาวะอากาศและดวงจันทร์ที่จะส่งผลอย่างมากกับเวทมนต์ของแต่ละสำนัก ซึ่งไอเดียทั้งหมดนี้ ไม่เคยได้ถูกทำมาใช้ทั้งใน Divinity: Original Sin 1 & 2 รวมถึง Baldur’s Gate 3 ด้วย แต่ทว่าของการพัฒนาของเทคโนโลยีในอนาคต อาจจะทำให้สิ่งที่กล่าวมาเป็นจริงก็เป็นได้
ไม่มีอะไรยอดเยี่ยมเท่าการได้เล่นเกมดีในราคาไม่แพง