[News] ผู้กำกับแอนิเมชัน Netflix “ไม่พอใจ” DMC 5 เพราะเชื่อว่า เขาจะมาเป็นผู้คืนชีพให้แฟรนไชส์ที่ “ตายไปแล้ว”
Devil May Cry 5 กลายเป็นเกมที่ได้รับกระแสไฮป์อย่างแรงจากแฟนๆ หลังจากที่พวกเขารอคอยภาคใหม่ของซีรีส์เกมแอ็กชัน Hack & Slash ที่เล่าเรื่องราวของพี่น้องนักล่าปีศาจ มาอย่างยาวนานนับ 10 ปี
แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่กับคุณ Adi Shankar ผู้กำกับแอนิเมชันซีรีส์ Devil May Cry ของ Netflix เพราะเขายอมรับว่า ตัวเอง “เซ็งเป็ด” มากๆ ที่ Capcom ตัดสินใจสร้าง Devil May Cry 5 ด้วยความเชื่อว่า แอนิเมชันซีรีส์ Devil May Cry ของเขา จะได้รับการชื่นชมอย่างล้นหลาม และยกย่องว่าเป็น ผู้มาฟื้นคืนชีพให้กับแฟรนไชส์ที่ตัวเขาเองคิดว่า “ตายไปแล้ว”
คุณ Shankar ผู้อยู่เบื้องหลังแอนิเมชันซีรีส์จากเกม Castlevania พูดถึงเรื่องนี้ในพ็อดแคสต์ Ask Adi Anything โดยเขาพูดถึงการที่เขาได้รับไฟเขียวให้สร้างแอนิเมชันซีรีส์ Devil May Cry และเล่าเรื่องราวต้นกำเนิดของการผลิตให้กับ คุณ Kenny Omega แชมป์คนปัจจุบันของ All Elite Wrestling เพื่อนผู้ชื่นชอบเกมจาก Capcom เหมือนกันได้ฟัง
“คุณรู้มั้ยว่า จริงๆ แล้วผมไป Capcom ไม่ได้ไปเพื่อขอทำ Devil May Cry ด้วยซ้ำ คือผมประชุมกับ Capcom และในตอนนั้นก็มีคุณ Taki Enomoto (ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายลิขสิทธิ์) อยู่ด้วย เขาเป็นคนที่สุภาพมากๆ และอยู่กับ Capcom มานานมากด้วย คือเขาบอกว่า ‘เราอยากร่วมงานกับคุณนะ คุณมีพรสวรรค์มากๆ’ ผมก็ตอบไปว่า ‘โอ้ ขอบคุณ ผมอยากจะทำ Dino Crisis'”
คุณ Shankar เล่า
“พวกเขาก็แบบว่า ‘ทำไมถึงอยากทำ Dino Crisis ล่ะ?’ ผมก็ตอบว่า ‘เพราะเกมมันเจ๋งไงล่ะ’ แล้วพวกเขาก็เริ่มกระซิบกัน จากนั้นก็มองดูการแต่งตัวของผม ที่แต่งเหมือนตัวละครจาก Devil May Cry แล้วก็ทำหน้างง ๆ ว่า ‘อะไรกันเนี่ย?’
คือพวกเขามองที่ผม มองการแต่งตัวผม แล้วก็พูดว่า ‘พวกเราว่าคุณน่าจะเหมาะกับ Devil May Cry มากกว่านะ’ แล้วผมก็บอก ‘โอเค ได้เลย’ เพราะในความคิดผมตอนนั้น Devel May Cry เป็น [ณ ตอนนั้น คุณ Shankar ก็ทำท่าทางมือ ที่สื่อว่า Devil May Cry เป็นแฟรนไชส์ที่ใหญ่กว่า Dino Crisis]
ถ้าวัดกันตามตัวเลข Monster Hunter มันเหนือกว่าทุกอย่างเลยจริงๆ แต่ผมน่ะ หลงใหลใน Devil May Cry ผมรักสิ่งนี้ และผมรักสิ่งที่มันอยู่ในวงแคบๆ แบบนี้ และตอนนี้ ผมก็สามารถหยิบมันขึ้นมา แล้วหวังว่าจะทำให้มันเติบโตไปถึงจุดที่ไปต่อได้ และจะมีอะไรอีกมากมายตามมา””
เขาเล่าต่อ
ซึ่งคุณ Shankar เปิดเผยว่า ในตอนที่เขาตกลงรับหน้าที่กำกับแอนิเมชันซีรีส์ Devil May Cry เวอร์ชัน Netflix เขา “ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า กำลังจะมีเกม Devil May Cry 5 ออกมา” และเมื่อรู้ข่าว เขาก็รู้สึก “ไม่พอใจอย่างแรง” กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“คือ ผมก็เซ็นสัญญาไป แล้วผมก็รู้สึก ‘เย้ แจ๋วเลย ผมจะได้ทำมันแล้ว! และจากนั้นพวกเขาก็บอกว่า ‘ข่าวดี! พวกเรากำลังจะมี Devil May Cry 5 ออกมา!'”
เขาเล่าย้อนความ
ซึ่งคุณ Omega ถามต่อว่า ที่เขาไม่พอใจ เพราะจริงๆ คาดหวังว่า อยากจะได้เล่นเกม [ภาคที่ 5] ก่อนที่จะเริ่มนำไปดัดแปลงเป็นแอนิเมชันซีรีส์รึเปล่า? คุณ Shankar ตอบว่า “ไม่ใช่เลย จริงๆ ผมคิดว่าแฟรนไชส์นี้มันตายไปแล้ว”
“คือผมคิดว่า ผมกำลังจะเป็นผู้ชุบชีวิตแฟรนไชส์นี้ขึ้นมา ผมก็แบบว่า โอ้ นี่มันของใหม่สุดเจ๋งเลยนี่หว่า! มันยังมีภาคใหม่ออกมาเรื่อยๆ งั้นเรอะ? งั้นผมก็ควรไปทำ Street Fighter ดีกว่า”
[ซึ่งเขาก็เชื่ออีกเหมือนกันว่า นี่ก็เป็นแฟรนไชส์ที่ ‘ใกล้ตาย’ เหมือนตอนที่เขาตกลงทำ Devil May Cry ในปี 2018]
โดยทาง Bounding Into Comics ให้ความเห็นว่า แม้คุณ Shankar จะไม่พอใจที่ Capcom ไปต่อกับ Devil May Cry 5 ทำให้มาแย่งแสงที่เขาควรได้รับจากการทำแอนิเมชันซีรีส์ แต่เขาก็ยังนำ Devil Trigger และ Bury the Light ซึ่งเป็นเพลงธีมของ Nero และ Vergil มาใช้ในซีรีส์ด้วย (แม้จะประหลาดนิดหน่อย ตรงนำ Devil Trigger มาใช้เป็นธีมของ Dante ก็ตาม) และแม้ซีรีส์นี้ ถ้าดูแบบไม่คิดอะไรมากก็ถือว่า “พอใช้ในระดับหนึ่ง” แต่ถ้าเทียบกับเกมก็เรียกได้ว่าเป็นการดูถูกต้นฉบับแบบสุดๆ เช่นกัน
Source