ถ้าใครที่ใช้งาน Github Copilot อยู่แล้วก็จะรู้ดีว่า ตัว Copilot นั้นสามารถช่วยงานได้ระดับหนึ่ง เช่นการ Suggestion Code หรือ Auto Generate Code ทำให้เหล่า Developer หลายๆคนรวมถึงแอดมินเองก็รู้สึกว่ามันสะดวกดี แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ Microsoft และ Github กำลังทำให้ Copilot ไปไกลยิ่งกว่า
เมื่อวันก่อน GitHub เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ของ GitHub Copilot ภายใต้ชื่อว่า “Coding Agent” ผู้ช่วยอัจฉริยะที่สามารถลงมือทำงานเขียนโค้ดแทนได้อย่างเป็นระบบ ผ่านการรวมเข้ากับ GitHub Actions และ VS Code ยกระดับการทำงานของ Developer ทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความสะดวก
การเริ่มใช้งาน Coding Agent ก็ง่ายๆ เพียงแค่ Assign GitHub Issue หรือสั่งคำสั่งให้กับ Copilot ผ่านเว็บ Github, App, CLI หรือใน VS Code ตัว agent ก็จะเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติในเบื้องหลัง โดยจะทำการสร้าง Virtual Machine, clone repository, ตั้งค่า environment และวิเคราะห์ codebase ทั้งหมด
ระหว่างทำงาน Agent จะ push โค้ดเข้า pull request (แต่ draft ไว้นะ) ทีละ commit พร้อมบันทึกการเปลี่ยนแปลงและเหตุผลที่แก้ไขโค้ด เพื่อให้ Developer ได้ตรวจสอบได้ทุกการตัดสินใจก่อนจะ Approve PR จริงๆ
แล้ว Coding Agent เหมาะกับใครหรือโปรเจกต์อะไรบ้าง? Github บอกว่า Coding Agent เหมาะสำหรับงานที่ซับซ้อนระดับน้อยถึงปานกลางในโปรเจกต์ที่มีการวางรากฐานที่ดีอยู่แล้ว เช่น เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ แก้ไขบั๊ก เพิ่มหรือแก้ไข Test Case, refactor โค้ด , เขียนหรือปรับปรุง Document
นอกจากนี้ยังสามารถรับข้อมูลจากภาพ เช่นภาพ mockup หรือ screenshot ของ bug และทำความเข้าใจบริบทจากการสนทนาใน issue หรือ pull request ต่างๆ ได้อีกด้วย
ซึ่งจากที่กล่าวมาด้านบน แอดมึนก็รู้สึกว่า อ้าว ไอ้งานที่ว่าเนี่ย มันแทนที่ Junior Developer ได้เลยนะ เพราะถ้าถึงขั้นอ่าน discussion ใน PR/Issue และทำความเข้าใจแก้โค้ดได้ แทบจะเรียกได้ว่าทำงานระดับพื้นฐานที่ Junior Dev สามารถทำได้หมดเลยแล้ว
แต่ใดๆก็ตาม แม้จะใช้ AI เข้ามาทำงานแทนในระดับนึง แต่ GitHub ยืนกรานว่าจะยังคงยึดมาตรการความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เช่น
- Agent สามารถ push ได้แค่ใน branch ที่สร้างเองเท่านั้น ไม่สามารถไปยุ่งกับ branch อื่นได้
- คนที่สั่งให้ agent เปิด PR จะไม่สามารถ approve ได้เอง (ต้องให้คนในทีม approve)
- จำกัดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของ agent เฉพาะปลายทางที่ไว้ใจได้
- GitHub Actions workflows จะไม่รันเองจนกว่าจะได้รับการอนุมัติจากมนุษย์ผู้ใช้งาน
Copilot Coding Agent พร้อมใช้งานแล้ววันนี้สำหรับผู้ใช้ Copilot Enterprise และ Copilot Pro+ โดยรองรับ IDE หลากหลายทั้ง VS Code, Xcode, Eclipse, JetBrains และ Visual Studio และตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 2025 เป็นต้นไป ทุกคำสั่งที่ agent เรียกใช้งานโมเดล AI จะคิดเป็นหนึ่ง premium request ต่อครั้ง