เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีข้อพิพาทกันเล็กน้อย เมื่อ Mario Kotlar แห่ง Croteam ผู้พัฒนาเกมในซีรีย์ Serious Sam ได้เปิดเผยบน Reddit ว่า ทาง Oculus VR ได้เสนอเงินจำนวนมาก (ต้นทางระบุว่า Shitton of money หรือแปลเป็นไทยประมาณ เยอะสัดๆ) เพื่อให้ทาง Croteam พัฒนา Serious Sam VR: The Last Hope เป็นเกม Exclusive สำหรับ Oculus Rift
ซึ่งทาง Croteam ได้ปฏิเสธข้อเสนอนั้น และเขาบอกว่า “พวกเขาเชื่อมั่นว่าเกมที่ดีจริงๆ จะสามารถขายได้ด้วยตัวมันเอง และสามารถทำกำไรได้ในระยะยาว”
และนอกจากนี้ พวกเขายังเกลียดการเป็นเกม Exclusive ด้วย
“Oculus ได้เข้ามาคุยกับเราและให้ข้อเสนอว่าจะช่วยเหลือออกเงินเพื่อให้พัฒนา Serious Sam VR: The Last Hope จนเสร็จสมบูรณ์ โดยแลกกับตอนเปิดตัวจะต้องเป็นเกม Time Exclusive ลงใน Oculus Store ก่อน ซึ่งข้อเสนอนี้จะช่วยให้เราสามารถเร่งพัฒนาเกมของเราจนเสร็จ และคาดว่าจะทำให้ตัวเกมสนับสนุนกับ VR ทุกตัวบน PC”
เขากล่าวบน Reddit
“ซึ่งเราดูข้อเสนอนี้แล้วก็ปฏิเสธไป ด้วยเหตุผลที่ว่า มันไม่ใช่ทิศทางของทีมเรา เพราะเราเองก็ไม่เคยไปขอให้ Oculus หรือ Vive มาช่วยเหลือสนับสนุนโดยแลกกับการเป็นเกม Exclusive อะไรแบบนั้น”
ทาง Oculus เองก็ได้พูดอย่างเดียวกัน โดยได้ให้สัมภาษณ์กับทาง Kotaku ว่า ได้ยื่นข้อเสนอกับทาง Croteam ไปแบบนั้นจริง
“เราเองก็ยื่นข้อเสนอเรื่องเงินทุนให้กับนักพัฒนาเกม เพื่อช่วยให้การพัฒนาสำหรับเกมใหม่ๆ เป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น หรือขยายขอบเขตของตัวเกมให้ใหญ่ขึ้นได้ เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ในบางกรณีเราก็แลกเปลี่ยนการให้เงินทุนกลับมาเป็นการเปิดตัวบน Oculus Store ก่อนเป็นเจ้าแรก ก่อนที่ตัวเกมจะไปเปิดตัวต่อในแพลตฟอร์มอื่นๆ ในกรณีของ Croteam เราเองก็ไม่ได้ร้องขอให้ทางผู้พัฒนาหยุดทำเกมลงแพลตฟอร์มอื่นๆ และ เราเองก็เฝ้ารอที่จะเห็น Serious Sam ประสบความสำเร็จบนระบบ VR ทั้งหมด”
แน่นอนว่าเหล่าลูกค้าชาวเกมเอง ก็ไม่ได้ปลื้มวิธีการโยนเงินให้แล้วแลกกับการที่ตัวเกมนั้นๆต้องมาเป็นเกม Exclusive ของ Oculus เพราะมันไม่ใช่วิธีปกติที่ควรจะทำ และคุยกันย้อนไปถึงเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว ที่ Palmer Luckey ผู้ร่วมก่อตั้งของ Oculus ได้เข้าไปตอบคำถามใน Reddit ด้วยตัวเองและปฏิเสธว่า Oculus จะทำระบบธุรกิจแบบปิด
และมาถึงจุดจุดนี้ Gabe Newell หรือลอร์ดกาเบ็น เด็จพ่องแห่งบริษัท Valve ก็ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อมีชาวเกมส่งอีเมล์ไปถามเขาว่า ทาง Valve มีความเห็นอย่างไร ที่ทาง Oculus ได้พยายามจะซื้อเกม Serious Sam VR เพื่อให้ไปเป็น Exclusive ของตัวเอง และทาง Valve กำลังพิจารณาว่าจะทำอย่าง Oculus กับ Vive หรือไม่ (ซึ่ง Gabe Newell ได้ยืนยันกับทาง PCGamer ว่า เขาได้รับอีเมล์ฉบับนี้และตอบไปจริงๆ) โดยอีเมล์ฉบับนี้ได้โพสลงใน Reddit
“เราไม่คิดว่าการทำ VR Exclusive เป็นไอเดียที่ดีกับผู้บริโภคและนักพัฒนาเกม มันคือความเสี่ยง ในแต่ละโปรเจค คุณจะต้องคิดว่ามีความเสี่ยงมากแค่ไหน และรูปแบบของความเสี่ยงมันก็มีต่างๆกันไป ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงด้านการเงิน ความเสี่ยงด้านการออกแบบ ความเสี่ยงด้านเวลา ความเสี่ยงด้านการจัดการ ความเสี่ยงในแง่ของการเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่อาจจะไปซ้ำกับใครเขา และอีกเยอะแยะ ซึ่งโปรเจค VR ที่น่าสนใจจำนวนมากมาจากนักพัฒนามือใหม่ ความเสี่ยงยิ่งคูณ 3 นักพัฒนามือใหม่ทำเกมระบบใหม่บนแพลตฟอร์มใหม่ ซึ่งเราเองอยู่ในสถานการณ์ที่ดีกว่านักพัฒนา VR มือใหม่ โดยเฉพาะในเรื่องความเสี่ยงด้านการเงินที่น้อยกว่ามาก ดังนั้นเรายินดีที่จะจ่ายเงินชดเชยที่จะเป็นทุนในการพัฒนาให้กับนักพัฒนาเกม (โดยเฉพาะพวกที่ทำให้ Steam ทำรายได้ได้ล่วงหน้า) อย่างไรก็ตามงบประมาณเหล่านั้นก็ไม่ได้มีเงื่อนไขอะไรมาจำกัด เขาเหล่านั้นสามารถพัฒนาเกมให้กับ Rift หรือ PlayStation VR หรืออะไรก็ตามที่ทางผู้พัฒนาคิดว่ามันตรงตามกลุ่มเป้าหมายของ VR นั้นๆ ซึ่งเราหวังแค่ว่า เมื่อได้รับเงินสนับสนุนเหล่านั้นแล้ว ผู้พัฒนาเกมจะไม่จำเป็นที่จะต้องไปเจรจาธุรกิจเพื่อทำให้เกมเป็น Exclusive กับแพลตฟอร์มใดๆ หรือมีเหตุการณ์อะไรทำนองนี้ลดน้อยลง”
ซึ่งบางคอมเมนต์ในกระทู้ของ Reddit ก็ไม่ได้คิดเหมือน หรือว่าเห็นด้วย และวิตกว่า นักพัฒนาที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก Valve เมื่อได้รับแล้ว ก็อาจจะหันหลังกลับแล้วไปเจรจาธุรกิจกับทาง Facebook ก็เป็นไปได้ และก็มีบางคนให้ความเห็นว่า โน้มเอียงไปทางผลกำไรของ Valve มากกว่า เพราะก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า Steam นั้นทรงพลังมาก ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า เอาเงินมากองตรงหน้าจำนวนมหาศาลขนาดไหน ถึงจะคุ้มค่าที่จะไม่ลงเกมใน Steam ที่มีอำนาจอันทรงพลังในการกระจายเกม และเข้าถึงคนจำนวนมากขนาดนี้
Source : PCGamer
