[News] ผู้กำกับเผย เหตุที่ Expedition 33 ไม่มี Mini-map เพราะ “มันน่าเบื่อ” และทำให้ดูแต่มุมจอจนไม่สนฉากในเกม
แม้ว่า Clair Obscur: Expedition 33 เกม RPG ในโลกแฟนตาซีที่ได้แรงบันดาลใจมาจากฝรั่งเศสในยุค Belle Époque จะโด่งดังและได้รับเสียงชื่นชมจากแฟนเกมอย่างล้นหลาม ด้วยงานการออกแบบงานศิลป์และโลกทัศน์ที่สวยงาม ระบบการเล่นที่ต่อยอดมาจากระบบ Turn-based ผสมเรียลไทม์ที่ออกมาสนุกสะใจ เนื้อเรื่องที่น่าประทับใจ รวมถึงเพลงประกอบที่ไพเราะ แต่ก็มีแฟนเกมบางส่วนวิพากษ์วิจารณ์เกมนี้ในแง่ลบจากการที่ตัวเกม “ไม่มี Mini-map” หรือแผนที่เล็กๆ บริเวณมุมจอ เพื่อให้หาทางไปต่อได้อย่างง่ายดายขึ้น
ล่าสุดคุณ Guillaume Broche ประธาน Sandfall Interactive และเป็นผู้กำกับของเกม ออกมาเปิดเผยเหตุผลเบื้องหลังว่า ทำไมเขาถึงไม่ใส่ Mini-map เข้ามาในเกม
“ก็มันทำให้เกมน่าเบื่อ”
คุณ Broche กล่าวในบทสัมภาษณ์กับทาง Dropped Frames บน Twitch
“ในตอนที่ผมเล่น Final Fantasy 10 ผมเอาแต่ดู Mini-map จนไม่ได้เพลิดเพลินไปกับสภาพแวดล้อมโดยรอบของเกม ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าการออกแบบด่านต่างๆ เป็นยังไง ผมจำได้แต่แผนที่”
เขาอธิบาย
แม้คุณ Broche จะไม่ชอบ Mini-map แต่ถ้าเกมไหนมีเขาก็ใช้ ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่า มันมีให้ใช้ ดังนั้น ในตอนที่เขาออกแบบ Clair Obscur: Expedition 33 จึงไม่ได้ใส่ Mini-map เข้ามา และใช้แรงบันดาลใจจากเกมอย่าง Dark Souls ที่จะต้องหาร่องรอยไปต่อจากสภาพแวดล้อมและจดจำเส้นทางเอาเอง
แน่นอนว่าการที่ Clair Obscur: Expedition 33 ไม่มี Mini-map ก็อาจจะทำให้ผู้เล่นพลาดพวกความลับ, ไอเท็ม หรือภารกิจต่างๆ แต่สำหรับคุณ Broche ไม่ได้คิดว่า นั่นเป็นเรื่องที่เลวร้ายอะไร
“ก็ใช่ คุณอาจจะไม่ได้เจออะไรบางอย่าง หรือพบเส้นทางลับในเกมไม่ครบ แต่การพลาดบางสิ่งไปนั่นแหละ มันก็คือความสวยงามของเกม RPG นะ
ในตอนที่คุณหยุดเกม ก็อาจจะคิดว่า ‘เอ๊ะ บางทีฉันควรจะไปตรงเส้นทางเล็กๆ ที่เคยเห็นก่อนหน้านี้ ในนั้นอาจจะมีอะไรบางอย่างอยู่’ แล้วคุณจะจดจำได้หมดทั้งเกม การออกแบบฉากทั้งหมดและทุกๆ อย่าง มันทำให้การออกสำรวจในเกมสนุกและมีความหมายมากขึ้นจริงๆ”
เขาอธิบาย
ซึ่งก็มีแฟนเกมจำนวนมากเห็นด้วยกับการตัดสินใจของ Sandfall ในการไม่ใส่ระบบ Mini-map เข้ามาในเกม ที่ทำให้สภาพแวดล้อมและงานศิลป์ต่างๆ ที่ออกแบบมาอย่างสวยงาม ยิ่งเฉิดฉายและยกระดับความเป็นเกม RPG คลาสสิก โดยไม่ต้องพึ่งพอระบบของเกมยุคใหม่ที่ชาวเกมจำนวนมากเชื่อว่ามัน “ทำลาย” ประสบการณ์การเล่น เช่นเดียวกับ Dark Souls ที่คุณจะต้องคอยสังเกตโลกในเกมเพื่อออกสำรวจและค้นหาความลับ มากกว่าที่จะไปจ้องแต่มุมหน้าจอเพื่อดูแผนที่
Source
gamerant.com/clair-obscur-expedition-33-no-mini-map-ceo-explanation/