หลังจากประสบความสำเร็จขั้นสุด จนเรียกได้ว่าเป็น “ม้ามืด” ของปีนี้ กับ Clair Obscur: Expedition 33 เกม RPG แบบ Turn-based กึ่งเรียลไทม์ ในโลกแฟนตาซียุค Belle Époque ของฝรั่งเศส ที่ในตอนนี้ ผู้กำกับของเกมก็กำลังเดินสายให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างๆ จากความสำเร็จครั้งนี้ พร้อมเผยปรัชญาในการพัฒนาเกมของตัวเอง
โดยคุณ Guillaume Broche ผู้กำกับ Clair Obscur: Expedition 33 ได้รับคำถามจากทางช่อง Pirate Software บน YouTube ว่า เขามีอะไรที่จะแนะนำให้กับนักพัฒนาเกมที่มีความใฝ่ฝัน อยากจะประสบความสำเร็จแบบเขาบ้าง และเขาตอบว่า ทุกๆ คนควรที่จะฟังคำแนะนำของเขาแบบ “ฟังหูไว้หู” เพราะตัวเขาเองก็คิดว่า ตัวเองโชคดีขั้นสุดที่ทุกสิ่งทุกอย่าง มันมาบรรจบลงตัวอย่างเหลือเชื่อ
“คุณต้องไม่คิดว่าจะสร้างเกมที่คนอื่นจะชอบ แต่คุณจะต้องสร้างเกมที่ตัวเองชอบก่อนต่างหาก ในแง่ของการตัดสินใจ ถ้าผมไม่ชอบอะไรบางอย่าง ผมก็จะไม่ใส่เข้ามาในเกม”
คุณ Broche กล่าว ที่แม้ว่าแนวคิดนี้ มักจะได้รับการพูดถึงอยู่บ่อยๆ แต่นี่เป็นเรื่องที่คุณ Broche มักจะเห็นนักพัฒนาเกมหน้าใหม่ทำพลาดบ่อยๆ
ซึ่งทาง GamesRadar+ ชี้ว่า วิธีคิดดังกล่าว อาจจะทำให้เกมนั้น มีความเป็นส่วนตัวสูงมาก เพราะเหมือนทำมาเพื่อเอาใจตัวเอง แต่คุณ Broche แย้งว่า “มันไม่ใช่เรื่องของความหลงตัวเองหรอก … มันก็แค่ว่า ถ้าเกมสามารถสื่อสารทางใจกับผู้เล่นได้ล่ะก็ ตามความเห็นของผม มันก็จะไม่ล้มเหลว” และสำหรับเขาแล้ว เขาโชคดีมากที่รสนิยมส่วนตัวของเขาเป็นสิ่งที่ “อยู่ในกระแสหลัก” และสามารถ “ทำให้คนจำนวนมากชื่นชอบได้”
“เอาจริง ตอนแรกผมเคยคิดว่าเกมนี้จะเป็นเกมเฉพาะกลุ่มซะอีก แต่ผมเชื่อว่า ถ้าเกมมีความซื่อสัตย์ ความจริงใจ และความสนุกอยู่ในนั้น มันก็จะเข้าถึงใจคนเล่นได้เสมอ และผมคิดว่า นั่นคือสิ่งที่สำคัญมากๆ แม้แต่ในเกมอินดี้ยุคหลังๆ ที่โด่งดังจนกลายเป็นกระแสหลัก ก็ล้วนแต่เป็นเกมที่ให้ความรู้สึกว่า นี่ล่ะคือเกมที่ทีมพัฒนาสร้างเกมที่พวกเขาอยากเล่น ไม่ใช่เกมที่พวกเขาคิดว่า คนอื่นอยากเล่น”
คุณ Broche อธิบาย
ซึ่งทาง GamesRadar+ ให้ความเห็นว่า ให้นึกถึงเกมอย่าง Vampire Survivor หรือ Balatro คุณจะเข้าใจในสิ่งที่คุณ Broche พูดถึง เกมที่โด่งดังที่สุดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ก็มักจะเป็นเกมที่มีความแปลกใหม่ จนแทบจะไม่เหมือนใคร แต่กลับขายดีมาก จนมีคนทำเลียนแบบตามออกมาแทบจะทันที
นอกจากนี้ คุณ Broche ยังกล่าวอีกว่า เขาโชคดีใน 2 ด้าน ด้านแรก คือเขามีรสนิยมที่บังเอิญตรงกับผู้เล่นกลุ่มใหญ่พอที่จะทำให้เกมของเขาประสบความสำเร็จ และอีกด้านคือ เขาโชคดีที่สามารถรวบรวมทีมงานที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ขึ้นมาได้ ซึ่งทีมของเขาเก่งขนาดที่ว่า “ทุกวันนี้เขายังแทบไม่เชื่อเลยว่าจะทำได้”