ในตอนนี้ 50 Cent หรือ คุณ Curtis James Jackson III นักแร็ปชาวอเมริกัน กำลังกลายเป็นประเด็นพูดถึงในโลกโซเชียลมีเดีย หลังจากเพิ่งประกาศสร้างสารคดี Netflix ที่เกี่ยวข้องกับคดีของ Sean John Combs หรือ P.Diddy ศิลปินฮิปฮอปที่ไม่ถูกกันและด่าในเพลงมาตลอดหลายปี ที่เพิ่งโดนแฉเรื่องคดีสุดฉาวสะเทือนวงการบันเทิง จากการค้าประเวณีและล่วงละเมิดทางเพศ ที่มีเหยื่อเป็นคนในวงการบันเทิงหลายราย และเพิ่งจะโดนควบคุมตัวเข้าคุกโดยไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว ซึ่งประเมินว่า เขาอาจจะโดนจำคุกอย่างน้อย 15 ปี หรือโทษสูงสุดคือจำคุกตลอดชีวิต
.
แต่หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า 50 Cent เคยมีสร้างเป็นวิดีโอเกมที่เขาเป็นตัวเอกในเกมด้วย นั่นคือ 50 Cent: Bulletproof ที่วางจำหน่ายบน PS2 และ Xbox เมื่อปี 2005 (รวมถึง 50 Cent: Bulletproof G Unit Edition ที่ลงให้กับ PSP ในปีถัดมา) และ 50 Cent: Blood on the Sand ที่วางจำหน่ายบน PS3 และ XB360 เมื่อปี 2009
.
50 Cent: Bulletproof คือเกมแนวแอ็คชันที่พัฒนาโดย Genuine Games และจัดจำหน่ายโดย Vivendi Universal Games บน PS2 และ Xbox เมื่อปี 2005 โดยเป็นเกมมุมมองบุคคลที่ 3 แบบเส้นตรง ที่เน้นการยิงไปแอบที่กำบังไป (หรือที่เรียกว่า Cover-based Shooter) ซึ่งเล่าเรื่องราวของตัวเขาเองที่ออกเดินทางเพื่อแก้แค้นมือปืนพยายามจะลอบสังหารเขา โดยมีนักแร็ปคนอื่นๆ มาเป็นตัวละครในเกม อาทิ แก๊งรวมเด็กๆ นักแร็ปจากสังกัด G-Unit ของเขาเอง, Dr. Dre เป็นคนขายอาวุธ, Eminem คู่ซี้ที่คบกันมานาน ก็มาเป็นตำรวจทุจริตในเกม และ DJ Whoo Kid มาเป็นคนขายเพลงเถื่อนในเกม ซึ่งตัวเกมนำเสนออาวุธต่างๆ ให้ใช้งาน และร่วมมือกับเพื่อนร่วมทาง AI ในการทำภารกิจ และในเกมจะมีพื้นที่บางส่วนที่เป็นเหมือน Hub ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ออกสำรวจอย่างอิสระ ซื้อของและอัปเกรดตัวละคร
.
ซึ่งตัวเกมก็ได้เสียงตอบรับจากสื่อแบบผสมๆ กัน ก็ด้วยเกมเพลย์ที่เป็นเส้นตรงขั้นสุด ในยุคที่เกม Open World กำลังมาแรงจาก True Crime: New York City และ Grand Theft Auto ทำให้สื่อต่างๆ มองว่าเป็นเกมทำมาเพื่อเอาใจแฟนเพลงของ 50 Cent ซะมากกว่า แต่ตัวเกมก็ยังทำยอดขายได้หลักล้านชุด และติดอันดับ 100 เกมขายดีในยุคนั้น จนภายหลังก็นำไปสร้างใหม่เป็น 50 Cent: Bulletproof G Unit Edition และวางจำหน่ายบน PSP ในปี 2006 ที่ตัวเกมยังคงใช้เนื้อเรื่องและภาพยนตร์คัทซีนเดิม แต่เปลี่ยนรูปแบบเป็นเกมแอ็คชันมุมมองจากด้านบนแทน และเพิ่มโหมด Multiplayer ให้เล่นผ่าน Ad Hoc ของ PSP รวมถึงมินิเกมเข้ามา
.
หลังจากหายไปนานถึง 4 ปี 50 Cent ก็กลับมาสู่วงการเกมอีกครั้ง ด้วย 50 Cent: Blood on the Sand ที่พัฒนาโดย Swordfish Studios และจัดจำหน่ายโดย THQ (ยุคนั้นยังไม่รวมกับ Nordic Games) บน PS3 และ XB360 ซึ่งเป็นภาคต่อโดยตรงของ 50 Cent: Bulletproof
.
โดย 50 Cent: Blood on the Sand เป็นเกมที่เล่าเรื่องราวของ 50 Cent และ G-Unit ที่ได้รับการว่าจ้างให้ไปเล่นคอนเสิร์ตในเขตสงครามในเมืองของประเทศทางตะวันออกกลางที่ไม่ระบุชื่อ แต่กลายเป็นว่า Anwar ผู้จัดคอนเสิร์ตไม่สามารถจ่ายค่าตัว 10 ล้าน USD ตามที่สัญญาไว้ได้ หลังจากโดนข่มขู่ Anwar ก็เลยให้หัวกระโหลกมนุษย์ที่ประดับด้วยเพชรและไข่มุกมาเป็นหลักประกันไว้ก่อนว่าจะไม่เบี้ยวแน่ๆ แต่แล้วหัวกระโหลกนี้ถูกขโมยไปโดยกลุ่มทหารผู้ก่อการร้ายนำโดย Said Kamal และมือขวา Leila และทำให้ 50 Cent ตัดสินใจที่เอาคืนมา ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม แม้ว่าจะต้องถล่มจักรวรรดิอาชญากรสงครามก็ตาม
.
50 Cent: Blood on the Sand ถือว่าเป็นเกมภาคต่อที่ยกระดับดีขึ้นกว่าภาคแรกในทุกด้าน ที่ตัวเกมเน้นการต่อสู้บนดินและบนอากาศ มีการขับขี่ยานพาหนะในการทำภารกิจต่างๆ และมีร้านค้าที่สามารถโทรไปสั่งซื้ออาวุธใหม่ อัปเกรดอาวุธ หรือเรียนรู้วิชาการต่อสู้มือเปล่าใหม่ๆ ได้ แล้วยังใช้ปลดล็อค Taunts สำหรับเพิ่มแต้มที่ได้จากการกำจัดศัตรูด้วย แถมยังมีโหมด “Gangsta Fire” หรือก็คือโหมด Bullet Time สโลว์โมชันแบบ Max Payne ให้ใช้อีก แล้วเกมยังมีโหมด Co-op เอาไว้เล่นมันๆ กับเพื่อนด้วย
.
ซึ่งตัวเกมจะแบ่งภารกิจเป็นด่าน แต่ละด่านก็จะมีศัตรูที่เป็นเป้าหมายให้ผู้เล่นได้กำจัดเพื่อเก็บคะแนน มีกล่องทองให้เก็บเพื่อหาเงิน ของสะสมอย่างโปสเตอร์ การกำจัดศัตรูเพื่อเก็บเหรียญตรา แล้วนำไปปลดล็อคอาวุธใหม่ๆ แน่นอนว่าเพลงประกอบของ 50 Cent: Blood on the Sand ก็มีมากกว่าภาคแรกเป็นเท่าตัว โดยเป็นเพลงที่ 50 Cent แต่งเองถึง 18 เพลง
.
โดย 50 Cent: Blood on the Sand ถือว่าเป็นเกมที่ตัว 50 Cent และ G-Unit เข้ามามีส่วนร่วมโดยตรง และเข้ามาพูดคุยกับนักพัฒนาเพื่อให้คำแนะนำและเสียงตอบรับอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเดิมทีเกมไม่มีเฮลิคอปเตอร์ แต่ถูกใส่มาทีหลัง เพราะลูกชายของ 50 Cent อยากจะให้ใส่มาด้วยตอนเล่นตัวเกมเวอร์ชันทดสอบ
.
เดิมที 50 Cent: Blood on the Sand จะเป็นเกมที่จัดจำหน่ายโดย Sierra Entertainment ซึ่งเป็นบริษัทลูกของทาง Vivendi Games อีกที แต่ตอนนั้น Vivendi เพิ่งจะรวมกิจการกับ Activision เพื่อตั้งเป็น Activision Blizzard สำเร็จ และตอนนั้น Activision Blizzard ก็ประกาศเกมจาก Sierra เพียง 5 เกมที่จะจัดจำหน่ายโดยทาง Activision แต่ไม่มี 50 Cent: Blood on the Sand ซึ่งก็โชคดีที่ตอนนั้น THQ มาคว้าสิทธิ์จัดจำหน่ายไปแทน เกมก็เลยได้วางจำหน่ายถึงมือผู้เล่น
.
หลัง 50 Cent: Blood on the Sand วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2009 ตัวเกมก็ได้เสียงตอบรับแง่บวกจากสื่อต่างๆ แม้ว่าคะแนนจะไม่ได้สูงลิบลิ่ว แต่ก็ดีกว่า 50 Cent: Bulletproof เยอะมาก แต่กลายเป็นว่าตัวเกมกลับล้มเหลวด้านยอดขาย ที่มีการประเมินว่า ตัวเกมทำยอดขายได้เพียง 50,000 กว่าชุดในสหรัฐอเมริกา และไม่ได้มีการเปิดเผยยอดขายหลังจากนั้น
.
แม้ว่าในภายหลังก็มีสื่อบางรายมองว่าเกมนี้เป็น Cult Classic ที่เล่นแบบถอดสมองได้ดี แต่หลังจากนั้น เราก็ไม่ได้เห็นเกม 50 Cent ออกมาในตลาดอีกเลย เป็นอันปิดฉากเกมสาดกระสุนสุดระห่ำที่มาจากนักแร็ปที่มีตัวตนอยู่จริงไปโดยปริยาย
ไม่มีอะไรยอดเยี่ยมเท่าการได้เล่นเกมดีในราคาไม่แพง